เสขิยธรรม -
จดหมายข่าวเสขิยธรรม
หน้าแรก | สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน | แผนผังไซต์

  เสขิยธรรม ฉบับที่ ๖๓
  มกราคม - มีนาคม ๒๕๔๘

สังคมไทยกับ
ทางรอดที่ควรเลือก
เหลียวหลังแลหน้าจากราชดำเนินถึงตากใบ
แสดงทัศนะ ณ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๔๗
ตามคำเชิญของคณบดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ในโครงการสนทนาวันศุกร์
 

 

เวลาเราพูดถึงสังคมไทยกับทางรอดที่ควรเลือก หลายคนบอกว่าต้องเอาทักษิณ ทั้งนี้ก็เพราะผู้ที่เป็นบริษัทบริวารของเขา หรือถูกเขาสะกด ด้วยวิธีการอันมอมเมาต่าง ๆ ย่อมไม่เห็นว่าจะมีใครเป็นพระเอกที่ขี่ม้าขาวมาบริหารบ้านเมือง ให้มีประสิทธิภาพเท่าคน ๆ นี้ได้ ทั้งนี้รวมถึงพระผู้ใหญ่อย่างหลวงตามหาบัว ซึ่งแสดงคุณูปการของทักษิณไว้ด้วยความวิเศษมหัศจรรย์ถึง ๑๓ ข้อ ดังที่ตีพิมพ์ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๔๗ นั้นแล้ว นิมิตดีก็ตรงที่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนืออรหันต์ปลอมก็ยังมีธรรมราชาที่แท้ ถ้อยคำที่สนับสนุนดังกล่าว บัดนี้ได้เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังตีนไปแล้ว หลวงตามหาบัวออกมาเทศน์ด่า หาว่านายกรัฐมนตรีลืมตัว จนจะตั้งตัวเป็นประธานาธิบดีไปเอาเลย ความข้อนี้มีปรากฏชัดในไทยโพสต์ ฉบับวันศุกร์ที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๔๗ นี้เอง

          สำหรับสาธุชนหรือคนที่ใคร่ใช้สติปัญญาเป็นพาหะ ในการตัดสินปัญหาต่าง ๆ หากน่าเสียใจว่าคนส่วนใหญ่ย่อมไปไม่พ้นอาการอันถูกมอมเมามานานัปการ รวมทั้งการโฆษณาชวนเชื่อ ในช่วงที่ทุ่มกันหาเสียงในบัดนี้ จนวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ใครทุ่มทรัพย์ได้มาก ใครกลิ้งกะล่อนได้มาก ใครใช้สื่อสารมวลชนอย่างได้ผล ใครเอาใครไว้ในอาณัติได้มาก ด้วยการใช้ทรัพย์และอำนาจอย่างฉ้อฉล เขาคนนั้นและสมัครพรรคพวกของเขาย่อมได้ชัยชนะ ให้บริหารราชการบ้านเมืองต่อไปอีกอย่างน้อย ๔ ปี ดังที่ยอช บุช ก็ใช้เล่ห์เพทุบายเช่นนี้เป็นแบบอย่างมาแล้ว ที่สหรัฐ โดยเราต้องไม่ลืมว่าจักรวรรดิอเมริกันอันเสพสังวาส หรือมีเมถุนธรรมอย่างใกล้ชิดกับบรรษัทข้ามชาติต่าง ๆ นั้น เป็นแบบอย่างให้คนอย่างทักษิณ ชินวัตร ซึ่งปราศจากจุดยืนทางจริยธรรมและปราศจากมโนธรรมสำนึกใด ๆ ด้วยประการทั้งปวง

          พวกที่ต่อต้านทักษิณก็แบ่งออกง่าย ๆ เป็นสองขั้ว ขั้วหนึ่งเห็นว่าควรปล่อยให้เขากับพรรคไทยรักไทยเถลิงอำนาจไปอีก ๔ ปี เพื่อเปิดโอกาสให้มหาชนแทบทั้งประเทศ เห็นเล่ห์เพทุบายของเขา และพรรคการเมืองของเขา แล้วจุดจบก็จะมาถึง อย่างเช่นกรณีของถนอม – ประภาส ในปี ๒๕๑๖ หรืออย่างที่ ป. พิบูลสงครามเผชิญมาแล้วในปี ๒๕๐๐ โดยที่ถ้า ส. ธนะรัชต์ ไม่ตายจากไปเสียก่อน เขาก็อาจถูกขับไล่ไปแต่เมื่อยังมีชีวิตอยู่เอาเลยด้วยซ้ำ

          ประเด็นที่พึงพิจารณาคืออีก ๔ ปีต่อไปจะมีอะไรเหลือไว้ให้ราษฎรไทยและผืนแผ่นดินไทย นอกจากหนี้สิน และความเสื่อมโทรมทางธรรมชาติอย่างแทบฟื้นตัวไม่ขึ้น ทั้งคนยากคนจนจะเพิ่มปริมาณยิ่งขึ้นอย่างมหาศาล แม้จนชนชั้นกลางก็จะถูกรังควานและเบียดเบียนบีฑายิ่ง ๆ ขึ้นทุกที ทั้งนี้รวมถึงธุรกิจการค้าและองคาพยพขนาดใหญ่ ๆ ที่อยู่นอกแวดวงของคนในแก๊งไทยรักไทยอีกด้วย แม้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ก็ใช่ว่าจะรอดปลอดไปจากภัยพิบัติของรัฐบาลในอาณัติทักษิณ ซึ่งทำทุกอย่างเพื่อธุรกิจการค้า รวมถึงการขยายอำนาจทางทุนและอื่น ๆ ออกไปในทางข้ามชาติ อย่างไม่รู้จักจบสิ้น เพียงเพื่อตนและพวกของตน ดังคงเห็นได้ชัดแล้วว่าตั้งแต่เขาเข้ามาบริหารบ้านเมือง บริษัทของเขาและพวกเขา เพิ่มความรวยขึ้นอย่างเกินปกติยิ่งนัก ดังปีนี้ลูกสาวเขาก็กลายเป็นคนรวยที่สุดไปเอาเลย

          อีกขั้วต้องการล้มทักษิณลงก่อนการเลือกตั้งคราวหน้า ทั้งนี้ก็เพื่อกู้ชาติ กู้ประชาชน ทั้งชนชั้นล่าง ชั้นกลาง และชั้นสูง ซึ่งควรรวมพลังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน หาทางป้องกันพิษภัยต่าง ๆ โดยชี้ไปให้ชัดถึงการปราศจากความชอบธรรมในการปกครองบ้านเมือง ของนายกรัฐมนตรีคนนี้

          น่าเสียดายที่ประเด็นนี้ คนเห็นกันไม่ชัด เพราะเราเห็นกงจักรเป็นดอกบัวมานาน เรายังยอมรับอนุสาวรีย์ ส. ธนะรัชต์ ที่กลางจังหวัดขอนแก่น อนุสาวรีย์ ป. พิบูลสงคราม ที่กลางจังหวัดลพบุรี อนุสาวรีย์ ผ. ศรียานนท์ ที่หน้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน อย่างมองไม่เห็นเลยว่า นั่นคือความอุจาด และอุบาทว์ ที่โกงกินประชาชน ที่ใช้ความโหดร้าย ฆ่าผู้คนที่บริสุทธิ์มาเป็นระลอก ๆ โดยเฉพาะก็ผู้ที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสัจธรรม

          แม้คนเช่นนายดิเรก ชัยนาม ที่รับใช้ชาติบ้านเมืองมาทั้งทางการเมือง ทางการทูต และทางการศึกษา หากทำการอย่างปิดทองหลังพระ อย่างเสียสละชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อมหาชน เพื่อความถูกต้องดีงาม และเพื่อประชาธิปไตย กลับไม่มีใครเหลียวแลเอาเลย ทั้ง ๆ ที่วันเกิดครบศตวรรษของท่านจะมีขึ้น ณ วันที่ ๑๘ มกราคม ก็ตามที โดยที่วันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๔๘ ก็จะครบห้ารอบนักษัตรของวันสันติภาพ หรือวันประกาศเอกราชภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ในขณะที่รัฐบาลเผด็จการ ป. พิบูลสงคราม ประกาศสงครามกับฝ่ายพันธมิตร จนเราปราศจากความเป็นไทไปอย่างที่เราถูกญี่ปุ่นยึดครองเอาเลยก็ว่าได้ แม้จะไม่ในทางนิตินัย ก็ในทางพฤตินัย

          ญี่ปุ่นยึดครองราชอาณาจักรไทยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ฉันใด สหรัฐอเมริกาก็ยึดครองบ้านนี้เมืองนี้ในสมัยสงครามเวียดนามฉันนั้น แม้การประกาศอิสรภาพจากสหรัฐภายหลัง ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ก็หาเป็นจริงไปได้ไม่ ดังทักษิณเป็นพยานของการตามก้นสหรัฐ อย่างสุนัขที่ไม่ยอมรับการปลดแอกออกจากนายเอาเลย คำนี้ไม่ได้มีไว้ให้ใช้กับนายแบลแห่งสหราชอาณาจักรอังกฤษเท่านั้น หากใช้ได้กับนายทักษิณ ชินวัตร แห่งราชอาณาจักรไทยอีกด้วย

          ทั้งนี้ก็เพราะทักษิณคิดอย่างยอช บุช ที่ต้องการศัตรูเป็นชนกลุ่มอื่น แล้วหาว่าพวกนี้คือผู้ก่อการร้ายซึ่งจักทำลายชาติ ดังที่ยอช บุช ทำมาแล้วกับซัดดัม ฮุสเซน ที่อิรัก ว่านั่นจะทำลายสหรัฐและทำลายโลกเอาเลยทีเดียว ทั้ง ๆ ที่ไม่มีหลักฐานใด ๆ ทั้งสิ้น ก่อนหน้านี้ ป. พิบูลสงครามเคยทำมาแล้วกับหะยีสุหลง และจุฬาราชมนตรีแช่ม พรหมยงค์ โดยที่คนที่เอ่ยนามมาทั้งสองนี้ก็เฉกเช่นนักประชาธิปไตย ที่รักอิสรภาพ และภูมิใจในวัฒนธรรมท้องถิ่นของอีสาน ซึ่งก็โดนสังหารมาปาน ๆ กันในช่วงระยะเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นเตียง ศิริขันธ์ ถวิล อุดล จำลอง ดาวเรือง หรือ ทองอินทร์ ภูริทัต แต่เราถูกล้างสมองให้ลืมคนเหล่านี้ไปอย่างน่าสลดใจ

          ผิดกันแต่ว่าเวลานั้น เผด็จการอย่าง ป. พิบูลสงคราม หรือ ผ. ศรียานนท์ และ ส. ธนะรัชต์ เป็นเพียงบ้าคลั่งทางลัทธิชาตินิยม และโกงกินเพียงเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเมืองให้เขาและพวกเขาเท่านั้นเอง หากบัดนี้ทักษิณใช้ลัทธิชาตินิยมเป็นสื่อ โดยใช้ระบบการศึกษาอันล้าสมัย รวมถึงเพลงชาติอันพ้นสมัย และวัฒนธรรมชนชาติอันหมดสมัยไปนานแล้ว มาปลุกระดม แม้จนพิฆาตฆ่าอย่างป่าเถื่อน ยิ่งกว่าสมัย ป. พิบูลสงคราม ผ. ศรียานนท์ และ ส. ธนะรัชต์ เสียอีก แม้จนในสมัยธานินทร์ กรัยวิเชียร กับ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ และสุจินดา คราประยูร กับ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๓๕ ก็เทียบไม่ได้เลยกับความโหดเหี้ยมเลวร้าย กักขฬะของทักษิณ แต่เพราะเขาคุมสื่อกระแสหลักได้ยิ่งกว่าสมัยตุลาคม ๒๕๑๙ กับพฤษภาคม ๒๕๓๕ ทั้งความรุนแรงนั้น ๆ เกิดนอกราชธานี อย่างไกลออกไปจากศูนย์ของอำนาจ ทั้งสังหารไปในคราบของชาตินิยม ดังทางสามจังหวัดภาคใต้ หาไม่ก็ในคราบของการกำจัดอบายมุขอันเลวร้าย เช่นยาบ้า และยาม้า แม้ว่าคนจะตายเป็นร้อย เป็นพัน มโนธรรมสำนึกของมหาชนก็ไม่เกิดขึ้น ถ้ามหาชนในกรุงเกิดความสำนึกร่วมกับความเจ็บปวดของชาวใต้ อย่างไม่แบ่งเราแบ่งเขา หากรวมกันเห็นต้นตอของภัยพิบัติ ที่ทักษิณ ชินวัตร เราก็อาจโค่นล้มเขาได้โดยสันติวิธี

          ถ้าเราติดตามสื่อจากกระแสข่าว เราย่อมไม่ตระหนักว่าวิกฤตการณ์ภาคใต้ โยงใยไปถึงการที่รัฐบาลไทยส่งทหารไปอิรัก และที่รัฐบาลไทยจับนายฮัมบาลี ซึ่งเป็นผู้ก่อการร้ายจากภายนอกประเทศ ที่เข้ามาขอหลบอยู่ในเมืองไทย ด้วยการรับรู้ของรัฐบาล แล้วรัฐบาลหักหลังเขา ด้วยการส่งตัวไปให้สหรัฐ ว่านี่คือประเด็นหลักที่ก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ทางภาคใต้ โดยไม่ต้องเอ่ยถึงท่อแก๊สไทยมาเลเซียก็ยังได้

          ด้วยการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลและสื่อกระแสหลักที่รัฐบาลควบคุมได้ สังคมไทยแทบทั้งหมดจึงมองปัญหาภาคใต้ภายใต้ข้อมูลและคำอธิบายที่รัฐผูกขาดอย่างเต็มที่ จนสูญเสียสติปัญญาและวิจารญาณในการตั้งคำถามง่าย ๆ เช่น ถ้าผู้ชุมนุมที่ตากใบมีอาวุธสงคราม ทำไมไม่มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บแม้แต่รายเดียว

           วุฒิสมาชิก ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ตั้งคำถามได้สนุก เมื่อแม่ทัพภาค ๔ ชี้แจงต่อวุฒิสภาว่าผู้ชุมนุมที่ตากใบซุกซ่อนอาวุธสงครามเอาไว้ ไกรศักดิ์ได้ถามกลับไปว่าคนเหล่านั้นซุกปืนเอ็ม ๑๖, เอชเค และปืนไร้แรงสะท้อน ไว้ในโสร่งหรืออย่างไร

          ส่วนกรณีที่แม่ทัพภาคสี่บอกว่า ตรงที่เจาะขุดท่อแก๊สไทยมาเลเซียทางจะนะ ที่สงขลา ทหารไปตรวจตรา โดยไม่มีอาวุธหนักเลยนั้น ผู้สื่อข่าว ข่าวสด สามารถถ่ายรูปอาวุธสงครามมาตีพิมพ์ได้ ผลก็คือทั้งผู้สื่อข่าวคนนี้และบรรณาธิการ ข่าวสด ถูกจับด้วยการตีตรวนเลยทีเดียว

          ประการต่อมา ก็ขอให้ตราไว้ด้วยว่า ความเกลียดชังแบบนี้เกิดขึ้นในช่วงของรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากในสภาอย่างไม่เคยมีมาก่อน จึงเป็นรัฐบาลที่เป็นภาพสะท้อนความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวทางการเมือง ในหมู่ประชาชนในระดับที่รุนแรงอย่างเต็มที่

          ถ้าย้อนไปในอดีตแล้ว ก็เห็นได้ว่าฮิตเล่อร์ใช้วิธีการเช่นนี้มาก่อนแล้ว ดังเขาก็ชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น และสร้างความเกลียดชนกลุ่มน้อย อย่างได้ผลในระยะสั้น หากนำเยอรมันนีไปสู่หายนะได้ในที่สุด


ภาพ มติชนสุดสัปดาห์

ถึงที่สุดแล้ว ประเด็นที่ควรเป็นจุดเริ่มต้น ในการพิจารณาปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็คือ การตระหนักถึงสถานการณ์ที่คนต่างเชื้อชาติต่างศาสนา ได้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนหลายร้อยคน โดยเฉพาะในกรณีตากใบกรณีเดียว ก็มีผู้เสียชีวิตมากกว่าจำนวน “คนไทย” ที่ตายไปในการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งสำคัญ ๆ

          ในวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ความตายของผู้คน ๗๐ ราย ทำให้เกิดแรงเหวี่ยงทางการเมืองที่มีอิทธิพลไม่น้อยกว่า ๓ ปี ส่วนความตายของคน ๔๑ ราย ในวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ก็นำไปสู่การขยายตัวของสงครามจรยุทธ์ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน

          ณ บัดนี้ ความตายของคนทางภาคใต้เพิ่มจำนวนขึ้นไปเท่าไรแล้ว โดยต้องไม่ลืมว่า การที่เยาวชนเข้าไปสังกัดอยู่กับพรรคคอมมูนิสต์ไทยในป่าหลัง ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ นั้น พรรคดังกล่าวอยู่ใต้อาณัติพรรคคอมมูนิสต์จีน พอรัฐบาลไทยตกลงร่วมกับรัฐบาลจีนได้ โดยที่ลาว เวียดนาม และโซเวียตก็แตกไปจากจีน รัฐบาลไทยจึงสยบพรรคคอมมิวนิสต์ไทยในป่าได้ จนคนไทยในป่าหลายต่อหลายคน มาสยบ จนเป็นสุนัขรับใช้ให้ทักษิณ ชินวัตรอยู่ในบัดนี้ แต่กรณีของวิกฤตการณ์ที่ตากใบและปัตตานีนั้น จะโยงใยไปถึงผู้ก่อการร้ายสากลและมุสลิมหัวรุนแรงจากทั่วโลก ซึ่งถ้าไม่ใช้สันติวิธีและกุศโลบายที่ชาญฉลาดแล้ว จะเป็นไปในทางหายนภัยยิ่ง ๆ ขึ้นทุกที

          ที่ทักษิณไม่แก้ปัญหาภาคใต้ด้วยสันติวิธี ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีมันสมอง หากมันสมองของเขามุ่งไปในทางเพิ่มความเกลียดโกรธให้มหาชน จนเห็นว่าคนกลุ่มน้อยเป็นตัวเลวร้าย ที่ทำลายความมั่นคงของชีวิตและทรัพย์สินของคนส่วนใหญ่ ซึ่งจะเป็นผลให้เขาได้รับชัยชนะกับการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น วิธีเช่นนี้ฮิตเล่อร์ใช้มาแล้วในเยอรมัน เมื่อก่อนสงครามโลกครั้งที่แล้ว นางแทตเชอร์ก็ใช้มาแล้วที่อังกฤษ กับสงครามฟอกแลนด์ และนายบุชก็ใช้กับสงครามอิรักที่สหรัฐยึดครองอยู่ในบัดนี้ แต่ถ้าดูไปที่อินเดีย กลับเห็นได้ว่าคนยากคนจนในอินเดียฉลาดเฉลียวยิ่งนัก ดังสามารถเลือกพรรคฝ่ายค้านเข้ามาเป็นรัฐบาลจนได้ จึงใคร่ทราบว่าคนยากคนจนของไทยจะฉลาดเช่นชาวภารตประเทศหรือไม่

          ที่ทักษิณ ชินวัตรทุศีลได้ถึงเพียงนี้ ไม่แต่ข้อที่ ๑ หากรวมถึงข้อที่ ๒ และข้อที่ ๔ อย่างโจ่งแจ้ง แม้พระอาจารย์เจ้า อย่างหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ก็ออกมาสนับสนุนในเรื่องการกำจัดยาบ้า ยาม้า จนถึงกับแนะนำให้รวมพรรคชาติพัฒนาเข้ากับพรรคไทยรักไทย ทั้งนี้ไม่มีใครเคยถามเลยว่า นั่นกิจของสงฆ์หรือหาไม่ และที่ต้องถามยิ่งกว่านี้ก็ตรงที่ความเป็นพุทธศาสนิกของเรามีเหลืออยู่เท่าไร มีพระผู้ใหญ่รูปใดบ้างที่กล้าออกมาให้สติทักษิณ ชินวัตร เพียงพระไพศาล วิสาโล ให้สตินายกรัฐมนตรีบ้างเท่านั้น ก็มีการด่าทอพระคุณเจ้าทาง Internet ด้วยผรุสวาจาต่าง ๆ อย่างที่ขาดสติปัญญาเอาเลยก็ว่าได้

          ถ้าเราไม่รักเพื่อนที่ต่างเชื้อชาติกับเรา ที่ต่างศาสนากับเรา แล้วเราจะเกิดความตื่นขึ้นจากโลภ โกรธ หลง ตามรอยบาทของพระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ละหรือ หรือว่า ความตื่นแห่งการเป็นพุทธนั้นเป็นอุดมคติที่สูงส่งเกินไป

          ถ้าจะธำรงรักษาสยามรัฐสีมาอาณาจักรไว้ ต้องฆ่าคนที่ไม่ใช่ไทย ซึ่งรวมถึงใครก็ตามที่มุ่งมั่นในทางสันติวิธี ที่ยินดีอโหสิให้กับคนที่ถูกหาว่าเป็นฆาตกรและใช้ความรุนแรง เป็นอันว่า เรากลับไปหากิตติวุฑโฒกันอีกแล้ว กับวลีที่ว่า ฆ่าคอมมูนิสต์ไม่บาป ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากพวกคริสต์ขวาจัดที่สนับสนุนยอช บุช ที่ว่า ฆ่ามุสลิมไม่บาปนั้นแล

          ใครเคยสนใจบ้างไหมว่า กิตติวุฑโฒเป็นพระกะล่อนและทุศีล ดังเช่นคณะพระธรรมกาย ที่เลขาธิการพรรคไทยรักไทย หรืออย่างน้อยก็ภรรยาเขา อุดหนุนจุนเจืออย่างออกหน้าออกตา สมเด็จพระสังฆราชตรัสออกมาแล้วว่า ประมุขของคณะพระธรรมกายเป็นปาราชิก และมีคดีอาญาอยู่ที่ศาล แต่ภรรยาเลขาธิการพรรคไทยรักไทยก็อุดหนุนพวกสัทธรรมปฏิรูปเหล่านี้อย่างออกหน้า เราต้องไม่ลืมว่าพรรคนี้เป็นไปในระบบภรรยาธิปไตย ไม่แต่เลขาธิการพรรคเท่านั้น หากรวมถึงหัวหน้าพรรคด้วย

          ที่ว่ามานี้ก็คงสรุปได้ว่า พวกที่ต้องการเอาทักษิณออกจากอำนาจก่อนเลือกตั้งคราวหน้า ย่อมยากที่จะทำได้สำเร็จ เพราะคนส่วนใหญ่ แม้จนปัญญาชนส่วนน้อย ก็ไม่เข้าใจได้เลย ว่าการเมืองการปกครองนั้น ขั้นสุดท้ายแล้วอยู่ที่ปัญหาทางจริยธรรมและความชอบธรรม ดังที่สหภาพโซเวียตปลาสนาการไปก็เพราะเหตุนี้ และลัทธินาซีของฮิตเล่อร์ก็เช่นกัน หากทั้งสองกรณีนี้เกิดวิกฤตการณ์รุนแรงอย่างสุด ๆ ทั้งคู่ เป็นอันว่ากว่าถั่วจะสุก ก็งาไหม้เสียเกือบหมดแล้ว

          มีกี่คนที่มองเห็นวิธีการของทักษิณว่าเหมือนกับฮิตเล่อร์ ซึ่งเลือกตั้งเข้าไปมีเสียงในสภาเป็นอย่างยิ่ง แล้วใช้ความกลิ้งกล่อน ฆ่าคนกลุ่มน้อย คือยิว ด้วยการใช้สื่อสารมวลชนและเล่ห์เพทุบาย ยุให้คนส่วนใหญ่เกลียดคนส่วนน้อย ให้เห็นว่าคนส่วนน้อยเป็นตัวการทำลายชาติและศาสนา จนศาสนจักรในเวลานั้นก็เห็นด้วย ผลก็คือเยอรมันถึงซึ่งความหายนะกับความปราชัยในสงครามโลกครั้งที่แล้ว

          ศาสตราจารย์โยฮัน กัลตุ้ง แห่งนอร์เวย์ ได้เตือนไว้ว่า จักรวรรดิอเมริกันจะคงความเป็นใหญ่ไปได้อีกเพียงสองทศวรรษเป็นอย่างมาก หากคนในสหรัฐเปลี่ยนความคิดและจิตใจกัน จนสร้างสรรค์วัฒนธรรมแห่งการตื่น และเกิดขบวนการสันติวิธีขึ้นอย่างแพร่หลาย ในที่สุดขบวนการของมวลชนย่อมเอาชนะรัฐบาลและรัฐสภาได้ ด้วยอหิงสธรรม ถ้าเป็นเช่นนั้น สหรัฐก็จะเลี่ยงความรุนแรงและเลวร้ายได้ โดยไม่จำต้องเดินตามรอยของโซเวียตและนาซีเยอรมัน

          น่าเสียดายที่คนไทยตื่นขึ้นน้อยกว่าคนในสหรัฐและในยุโรปเป็นไหน ๆ ที่ร้ายก็คือการถือพุทธของเรานั้นเป็นไปในทางไสยเวทวิทยา จนนับถือเทคโนโลยีอย่างใหม่ รวมถึงการพนันต่าง ๆ ตลอดจนถ้อยคำอันหลอกลวงและมอมเมา จากทักษิณและพลพรรคของเขาได้ง่าย ก็ตราบใดที่เรายังเชื่อว่างูเหลือมหรือปลัดขิกจะช่วยเราได้เสียแล้วไซร้ มิใยต้องเอ่ย ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าก็ต้องขึ้นอยู่กับโหราจารย์ เราก็ยังหลงไปได้ไม่ยากว่า ทักษิณคือคำตอบ และเขาก็คงฉวยโอกาสเช่นนี้ โดยอาจกุมอำนาจอยู่ได้ถึง ๒ ทศวรรษก็ยังได้ อย่างไม่น้อยหน้ามหาเธียร์ โมหมัด ซึ่งทักษิณเคยถือเป็นแบบอย่างหรือสรณะเอาเลย จนเมื่อบุคคลคนผู้นี้ชี้ให้เห็นความเลวร้ายของทักษิณกับกรณีปัตตานีและนราธิวาส นั่นแหละเขาจึงค่อยคลายความเลื่อมใสลง แต่เขายังคงศรัทธามั่นอยู่ในตัวบุคคลอย่าง หลี กวนยู และ ยอช บุช ซึ่งเป็นแบบอย่างของความเลวร้าย เป็นแบบอย่างของการปลอมแปลง เสแสร้ง เฉกเช่นคึกฤทธิ์ ปราโมช และกิมเหลียง วิจิตรวาทการ ซึ่งก็ยังคงเป็นศาสดาปลอมของคนไทยร่วมสมัยอยู่มิใช่น้อย

          คนอย่างข้าพเจ้าทำได้ก็แต่การเตือนและการให้การศึกษานอกระบบ ซึ่งบ่มเพาะให้คนจำนวนน้อย ที่เป็นดุจดังบัว ซึ่งพร้อมจะพ้นน้ำ แต่เพราะสื่อมวลชนกระแสหลัก และระบบการศึกษากระแสหลัก ยังยึดอยู่กับนักปราชญ์ปลอมและบุรุษทุศีลที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและรุนแรง ข้าพเจ้าเห็นว่าการปกครองของไทยภายใต้การนำของทักษิณ ชินวัตร จะเป็นไปในทางหายนะยิ่ง ๆ ขึ้นทุกที ตราบที่เขายังคุมบังเหียนไว้ได้ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา และสื่อสารมวลชน

          ทางออกที่เป็นความหวังอย่างเป็นรูปธรรมมีอยู่อย่างเดียว ที่ต้องช่วยกันแพร่สะพัดข้อเท็จจริงออกไป ไม่ให้เลือกพรรคไทยรักไทย พรรคอื่นใดก็ได้ รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจำต้องไม่มีชวนหวนกลับมา ถ้าลดสมาชิกพรรคไทยรักไทยลงได้เหลือน้อยกว่า ๒๕๐ โดยมีพรรคอื่นเข้าไปคานอำนาจ แม้จะเป็นเสียงข้างน้อย ก็ยังดี เราควรเปิดโอกาสให้พรรคมหาชน อย่างน้อยหัวหน้าพรรคนี้ก็เป็นคนมีความรู้ และมีจุดยืนทางคุณธรรม อย่างต่างไปจากอดีตของทักษิณแทบทุกประการ ทั้งนโยบายของพรรคนี้ก็ควรแก่การพิจารณา พร้อมกันนี้เราก็ควรเปิดโอกาสให้คนใหม่ ๆ ในพรรคมหาชนนี้ รวมถึงคนหน้าใหม่ ๆ ในพรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทย แม้นั่นจะไม่ใช่อุดมคติของเรา แต่อย่างน้อยคนพวกนี้น่าจะมาคานอำนาจไว้ได้บ้าง ไม่ให้บ้านเมืองอยู่ในอาณัติของมาร อย่างทักษิณ ชินวัตรแต่ถ่ายเดียว โดยที่รัฐบาลใหม่และสมาชิกรัฐสภาใหม่ ทั้งสภาล่าง สภาสูง ต้องโปร่งใส ให้ตรวจสอบได้

          ที่ว่ามาทั้งหมดนี้แล คือการเหลียวหลังแลหน้า จากนราธิวาสและปัตตานี มาที่ราชดำเนิน จนถึงทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภาเอาเลยทีเดียว...

 
หน้าแรก | กลุ่มเสขิยธรรม | ความเคลื่อนไหว | ประเด็นร้อน | ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม
นักบวชกับสังคมร่วมสมัย |> จดหมายข่าวเสขิยธรรม | รวมเว็บน่าสนใจ | แผนผังไซต์
เสขิยธรรม skyd.org
สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน

กลุ่มเสขิยธรรม ภายใต้มูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ ๑๔/๖๓ หมู่บ้านสวยริมธาร ๒ ซอย ๕
ถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก แขวง/เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ๑๐๑๗๐
โทร. ๐๒-๘๐๐-๖๕๒๖ ถึง ๘, ๐๖-๗๕๗-๕๑๕๖ โทรสาร ๐๒-๘๐๐-๖๕๔๙
... e-mail :