เสขิยธรรม
จดหมายข่าวเสขิยธรรม
-
หน้าแรก | สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน | แผนผังไซต์

เสขิยธรรม ฉบับที่ ๖๒
ตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๔๗

มองอย่างพุทธ
ธรรมาวตาร

เมื่อพระพุทธเจ้าสอนวิธีเป็น "โจร"

 

เ รื่องมันมีอยู่ว่า ในพื้นที่สื่อทั่วๆ ไป เวลาเกิดข่าวร้ายในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะที่เมาคำสอนไม่เข้าใจความเป็นไปของโลกในปัจจุบัน ชอบคุยกันเหลือเกินว่า เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ทำไมจึงมีการเข่นฆ่าทำร้ายหรือฉ้อโกงกันจัง ไม่ว่าจะเป็นข่าวพ่อข่มขืนลูก แม่ทิ้งลูกเกิดใหม่ลงถังขยะ เจ้าหน้าที่รัฐบางคนคอรัปชั่น ไม่เว้นแม้แต่เรื่องแย่ๆ ในวงการสงฆ์ ตั้งแต่พระลูกวัดยันผู้ปกครองสูงสุด แต่คนพวกนี้กลับทำเป็นลืมไปว่า สี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีมุสลิมนับถือศาสนาอิสลามอยู่เยอะ ตอนนี้อพยพไปอยู่เขตอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงรายเป็นหมู่บ้านๆ เตรียมขยายตัวประกาศคำสอนเข้าลาว พม่าและจีนตอนใต้อยู่รอมร่อ แถวอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐมก็เป็นดงชาวคริสต์ทั้งนั้น ไหนจะตึกมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญศูนย์วิชาการการศึกษาทางคริสต์ที่บางนาอีก สูงเสียดฟ้าอลังการยิ่งใหญ่เหมือนพระเจ้าสร้างให้ ผมว่ามองอะไรให้กว้างหน่อยและมาพูดความจริงกันดีกว่าตอนนี้อะไรเป็นอะไร อย่าติดกฎหมายหรือมัวเมาประเพณีธรรมเนียมไทยมากเลย

          โปรยหัวเรื่องโจร วกไปหาศาสนาได้ไงเนี่ย เอาละครับ เรื่องโจรนี่เห็นท่าจะหนักหน่อยก็เป็นพวกโจรปล้นเงินจากตู้ธนาคารกรุงไทย ที่จังหวัดแพร่นั่นแหละครับ อยู่ใต้จวนผู้ว่าแท้ๆ ยังปล่อยให้โจรมางัดและแบกเงินหายไปได้ แถมพอเช็คยอดเงินในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ปรากฏว่าเงินยังอยู่ครบคือตัวเลขจำนวนเงินมีอยู่เท่าเดิม เอาละซีทีนี้ ตำรวจงงเข้าไปกันใหญ่ เห็นๆ อยู่ว่าตู้เอทีเอ็มถูกงัด เงินก็หาย แต่ไฉนคอมพิวเตอร์กลับบอกว่าเงินอยู่ครบ ตกลงจะจับคอมพิวเตอร์ด้วยไหมนี่ฐานโกหกเจ้าพนักงานและสมรู้ร่วมคิดกับโจร ขอเตือนนะครับท่านที่ใช้คอมพิวเตอร์ทำงานอยู่ระวังให้ดี เมื่อคอมพิวเตอร์มันโกหกเป็นแล้ว (มุสา) ต่อไปมันอาจจะเป็นฆาตกร (ปาณา) ขโมยของคนอื่น (อทินนา) แอบมีกิ๊ก (กาเม) และขี้เมายำเป๋ (สุราเมรยมัชชะ) ก็ได้ ดูเหมือนว่าพฤติกรรมชักเหมือนสิ่งที่สร้างมันเข้าไปทุกที มิน่าละเขาถึงบอกว่า คนนี่เป็นไวรัสเขมือบโลก ไปยุ่งกับอะไรเข้า ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมีชีวิตหรือไม่ก็ตาม เละตุ้มเปะเสียสมดุลไปหมด

          ปัญหาเยอะจัง ในเมื่อคนเกิดมาเพื่อพัฒนากาย จิต ปัญญาได้ เหตุไฉนโลกจึงยังปั่นป่วนอยู่เช่นนี้ คนรวยมีน้อยแต่มีทรัพย์สมบัติมากใช้ไม่หมด ส่วนคนจนมีมากกลับไม่มีสมบัติพอที่จะใช้สอย ไฉนเลยผมว่าเราเอาเวลาไปศึกษาธรรมะเอาไว้ปรับใจตัวเองยามเจอทุกข์ดีกว่า พอจะเอาเข้าจริงก็มีคำสอนของศาสนาต่างๆ ให้เลือกมากเกินไป แต่ไหนๆ ก็เป็นคนไทยแล้วนี่ และมีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย ตามประเพณีปฏิบัติอีกด้วย ก็ขอถือฤกษ์ร่ำเรียนพุทธธรรมก่อนละครับ อ่านพระไตรปิฏกนี่แหละ เพราะพระพุทธเจ้าพระองค์ตรัสคำจริงอยู่แล้ว ส่วนหนังสือธรรมะที่พระหรือชาวบ้านคนอื่นๆ เขียนให้อ่านไม่รู้จะเชื่อถือได้แค่ไหน ขอเอาพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งสูงสุดก็แล้วกัน

          วันแรกพอเข้าไปในอาณาจักรของพุทธธรรมก็ได้เรื่องเลยครับ ไม่รู้ผมเข้าใจผิดไปหรือเปล่า แต่ก่อนเข้าใจว่าพุทธศาสนามีแต่คำสอนดีๆ ประเภทละชั่ว ทำดี ทำใจให้บริสุทธิ์ อะไรประมาณนั้น แต่ไหงในพระไตรปิฎกกลับมีเรื่องสอนคนให้เป็นโจร แถมเป็นโจรที่ดีอีกต่างหาก และคนสอนไว้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพระพุทธเจ้า! ครับ.... “พระพุทธเจ้า” จริงๆ

          เอาละ..มาดูสิครับว่าพระพุทธเจ้า พระองค์สอนไว้ยังไงบ้าง เรื่องนี้มีอยู่ในโจรสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก–อัฏฐก–นวกนิบาต เล่มที่ ๔ สติวรรค ข้อ ๑๙๑ (ฉบับสยามรัฐ) พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาโจรประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ ย่อมไม่เสื่อมเร็ว ตั้งอยู่ได้นาน คือ โจรที่ (๑) ไม่ประหารคนที่ไม่ประหาร คือ คนที่ไม่เคยมีเวรกันมาก่อนหรือไม่เคยเป็นศัตรูทำร้ายกัน เช่น คนที่มีคุณความดี คนแก่ (๒) ไม่ถือเอาของจนไม่เหลือ หากว่าไปแล้ว พวกโจรที่ฉลาดจะมีธรรมเนียม คือว่าเวลาปล้นเนี่ย ถ้ามีผ้า ๒ ผืน จะเอาแค่ผืนเดียว แต่ถ้ามีผ้าดีผืนเดียว ก็เอาผ้าเก่าให้ แล้วเอาผ้าผืนที่ดีนั้นมา แม้แต่ห่อข้าวสุกและข้าวสารก็ให้แบ่งเอาแต่ส่วนหนึ่งเท่านั้น นอกจากนั้นก็จะต้อง (๓) ไม่ลักพาสตรี (๔) ไม่ประทุษร้ายกุมารี (๕) ไม่ปล้นบรรพชิต (๖) ไม่ปล้นราชทรัพย์ (๗) ไม่ทำงานใกล้ถิ่นเกินไป (๘) ฉลาดในการเก็บ คือรู้จักทำบุญชำระทางไปสู่ปรโลกเสียบ้าง

          เป็นไงบ้างครับ อึ้งไปเลยหรือเปล่า เรื่องเลวร้ายแบบนี้ไม่น่ามีในพระไตรปิฎกเลยนะครับ ไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าพระองค์ประสงค์อะไรกันแน่ถึงได้ตรัสไว้อย่างนั้น แต่เท่าที่ดูแบบภาพรวมแล้ว ผมว่าพระพุทธเจ้าอาจไม่ได้สอน แต่บอกไว้เฉยๆ เพราะธรรมะหรือคำสั่งสอนในพุทธศาสนา ว่าตามหลักการแล้วมีความเป็นเอกภาพสูงมีความเป็นบูรณการสูงสุด จะยกอันไหนขึ้นมาศึกษาปฏิบัติก็คล้องจองสอดรับกันได้หมด ไม่ลักลั่นหรือขัดแย้งกัน แต่ใครอยากจะเป็นโจรก็เป็นไป เพราะการทำให้คนทุกคนเป็นคนดีเป็นเรื่องยากอยู่แล้ว พระพุทธเจ้าปฏิบัติพุทธกิจ ๔๕ พรรษา สอนคนได้กี่เปอร์เซ็นต์ สังเกตดูทุกวันนี้สิครับ คนเลวมากกว่าคนดีทั้งนั้นไม่ว่าจะในสังคมไหน แต่เมื่อเป็นโจรก็ควรเป็นโจรที่มีคุณธรรมด้วย ไม่ใช่วางระเบิดตูมตามไปหมด ไม่สนใจว่าใครเป็นใคร อ้างเรื่องหลักการศาสนาบ้าง เชื้อชาติบ้าง ระบอบการปกครองบ้าง แต่รวมทั้งหมดแล้วไม่พ้นไปจากความอยากได้ (โลภะ) ไม่มีสิ้นสุด ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งมีค่าหรืออำนาจต่างๆ ความโกรธ (โกธะ) ที่ไร้เมตตาสำนึก เข้าใจผิด (โมหะ) ไม่รู้จักตีความหลักธรรมในทางสร้างสรรค์ เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขหรอกครับ ก็อย่างว่าละครับ “โจรก็คือโจร” โจรแบบนี้ถือว่าอันตรายมากโขแล้ว แล้ว “โจรในคราบของนักการเมือง” คนที่รู้ไม่ทันจะลำบากแค่ไหนละเนี่ย....

หน้าแรก | กลุ่มเสขิยธรรม | ความเคลื่อนไหว | ประเด็นร้อน | ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม
นักบวชกับสังคมร่วมสมัย |> จดหมายข่าวเสขิยธรรม | รวมเว็บน่าสนใจ | แผนผังไซต์
เสขิยธรรม https://skyd.org
สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน

กลุ่มเสขิยธรรม ๑๒๔ ซอยวัดนพคุณ ถนนสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ ๑๐๖๐๐
โทร. ๐๒-๘๖๓๑๑๑๘, ๐๖-๗๕๗๕๑๕๖ โทรสาร ๐๒-๔๓๗๙๔๔๕
... e-mail :