สขิยธรรม ฉบับนี้ล่าช้าไปกว่าที่ควรจะเป็นอีกครั้งหนึ่งแล้ว
อันที่จริงไม่ต้องบอกก็สามารถเข้าใจได้ ด้วยว่า กว่าผู้อ่านจะมีโอกาสได้ผ่านสายตาข้อความนี้ เวลาคงล่วงเลยกว่ากำหนดเดิมไปพอสมควร
ในฐานะ คนทำหนังสือ ด้านหนึ่งก็ออกจะขายหน้าอยู่ไม่น้อย ค่าที่บกพร่องต่อการบริหารเวลา แต่อีกด้านหนึ่ง โดยเฉพาะในเบื้องลึก คนทำหนังสือเล็กๆ กลุ่มนี้ก็ทราบอยู่กับตัวเองกันถ้วนหน้า ว่าห้วงเวลาที่ผ่าน นอกเหนือจากการล่วงเลยของวันคืน เรา พลัดหลงไปในสิ่งใด และผ่านอะไรกันมาบ้าง
บางเรื่องก็เกินจะบอกเล่า บางเรื่องยากยิ่งจะอธิบาย
หลายเรื่องก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกโดยแท้ !
นภาวะทางการเงิน อันง่อนแง่นคลอนแคลนของ กลุ่มเสขิยธรรม ในความชักหน้าไม่ถึงหลัง เราประจักษ์ว่า ยังมีมิตรสหายจำนวนไม่น้อย ที่ทั้งคอยให้กำลังใจ และคอยสนับสนุนอุ้มชู ขณะเดียวกันกลับต้องตระหนก เมื่อพบว่ากลไกการทำงานบางส่วน ยังหาช่องทางมิบเม้ม ดึงสิ่งที่มีน้อยอยู่แล้วไปเข้าพกเข้าห่ออย่าง ใจดำ เหลือจะบรรยาย จับได้ไล่ทันเข้าก็พาลหลบลี้หนีหน้า ไม่ยอมแม้แต่จะ ล้างเช็ด ในอาจมที่ตนขับถ่ายเอาไว้
นางสาวบัวลอง พิมพลา อยู่ไหน? ใครพบช่วยบอกให้กลับมาเคลียร์บัญชีคั่งค้างเสียที ! หาไม่ก็คงต้องพึ่งกระบวนการยุติธรรมกันต่อไป
ณะเดียวกัน ในความลุ่มๆ ดอนๆ และเหน็ดหน่าย บางคนในคณะทำงานของเรา เสิร์ชข้อมูล ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต แล้วพบด้วยความพะอืดพะอม ว่าบางกลุ่มคน ซึ่งเคยขอใช้ชื่อ กลุ่มเสขิยธรรม สาขา.. แต่ไม่ผ่านการอนุญาตจากคณะกรรมการดำเนินงาน และมติที่ประชุมใหญ่ กลับแอบอ้างเอาชื่อ เสขิยธรรม ไปต่อหัวเติมหาง ดัดแปลงเอาตามใจชอบ มิหนำซ้ำยังเอาไป ขอทุน จากองค์กรทุนระดับชาติ อย่างไร้ยางอาย ด้วยข้ออ้างร่วมสมัย ว่าเป็นการทำประโยชน์แก่สังคม (ตามที่ตนเชื่อ) ด้วยเช่นกัน
มิหนำซ้ำ คนในแวดวง นักพัฒนา เล็กๆ แคบๆ ของประเทศเรา ก็ดูจะไม่รู้สึกรู้สา หรือดูดำดูดีอะไรกันมากมายนัก
นี่หมายความว่ากระไรเล่า? หรือว่าถึงที่สุด จะต้องกลับกลายเป็นว่า กลุ่มเสขิยธรรม โดยคณะกรรมการดำเนินงานชุดปัจจุบัน เป็นพวกใจจืดใจดำ ที่ไม่ยอมรับ การละเมิด กระนั้นหรือ?
กลุ่มเสขิยธรรมวิทยาลัยแพร่ ลองอธิบายมาเล่าสู่กันฟังบ้างเป็นไร?
องสามปีมานี้ กลุ่มเสขิยธรรม แทบจะมิได้รับการสนับสนุนจากแหล่งทุนใดๆ อย่างเป็นกิจจะลักษณะ เรากระเหม็ดกระแหม่เงินผ้าป่าจากผู้มีใจเป็นธรรม ร่วมกับเงินบริจาครายย่อยจำนวนหนึ่ง จัดกิจกรรมกันไปตามมีตามเกิด เมื่อรวมกับเงินค่าลิขสิทธิ์หนังสือ และรายได้จากการขายวารสารกับหนังสือเล่ม ก็พอจะถือได้ว่า เรา ทำงานกัน เกินต้นทุน ไปแล้วไม่ใช่น้อย
วันดีคืนดี เมื่อมีบางองค์กรพยายามเสนอให้ทุน เราจึงพอมีสติที่จะใช้ปัญญา (ซึ่งพอจะมีอยู่บ้าง) ฝ่าข้ามความเย้ายวนของ ลาภและสักการะ ออกมาได้ แม้จะเกือบไม่ทันท่วงทีก็ตาม
สขิยธรรม ฉบับนี้ นำเสนอเนื้อหาที่ออกจะไม่สอดคล้องกันอยู่ในที เพราะแต่เดิม ตั้งใจจะสนับสนุน แผนพัฒนาจิตเพื่อสุขภาพ ซึ่งมีแก่ใจชักชวน กลุ่มเสขิยธรรม ไปร่วมแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ ในประเด็นอันน่าสนใจยิ่ง ว่าด้วย การพัฒนาจิตเพื่อสุขภาวะทางจิตวิญญาณ หรือ เพื่อสุขภาวะทางสังคม ตามแต่จะถนัดเรียกขาน ทั้งยังให้โอกาสนำเสนอภาพฝัน ว่าเราประสงค์จะก้าวเดินไปทางใด ร่วมกับใคร และโดยวิธีใดบ้าง อันมีคุณอย่างยิ่ง สำหรับโอกาสในการทบทวนขบวนทั้งหมด เพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าต่อไป
น่าเสียดายก็ที่มาประจวบกันเข้า กับการมรณภาพโดยกระทันหัน ของพระใบฎีกาสุทัศน์ วชิราโณ ผู้เป็นทั้งกรรมการดำเนินงานกลุ่มเสขิยธรรม และเป็นปิยมิตรอันสำคัญยิ่งของเครือข่ายพุทธบริษัทเล็กๆ กลุ่มนี้ จึงทำให้เกิดสัดส่วนของเนื้อหาที่ใกล้เคียงกันเพิ่มเข้ามา จนไม่สามารถใช้เนื้อที่และความสามารถ อันจำกัดจัดการให้เกิดความสวยงามและลงตัว อย่างที่หลายๆ คนอยากจะให้เป็น
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเนื้อหาทั้งสองส่วน ตลอดจนเรื่องราวอื่นๆ ในเล่ม จะเป็นประโยชน์ต่อการ ประยุกต์ใช้ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม ไม่มากก็น้อย
และหากกุศลใดๆ ก็ตาม ที่เกิดขึ้นจากการอ่าน หรือการจัดทำ เสขิยธรรม ฉบับนี้ ตลอดจนความดีงามทุกสิ่งที่บรรณาธิการ ตลอดจนกองบรรณาธิการทั้งปวงได้เคยกระทำมา เราขออุทิศกุศลและความดีงามเหล่านั้นแด่ พระใบฎีกาสุทัศน์ วชิราโณ ผู้จากไปด้วยวัยเพียง ๓๘ ปี (โดยที่ใช้ชีวิตในร่มเงาพระศาสนาอยู่ถึง ๒๗ พรรษา ทั้งที่เป็นสามเณรและอุปสมบทเป็นพระภิกษุ) ทั้งหมดทั้งสิ้น และเชื่อว่าผู้อ่านทุกท่าน เมื่อได้รับทราบเนื้อหาเกี่ยวกับพระคุณเจ้ารูปนี้แล้ว ก็จะอนุโมทนาไปกับเราด้วยเช่นกัน
วยกำลังคนและกำลังทรัพย์เท่าที่เรามีอยู่ในขณะนี้ ยังเป็นไปได้ว่า เสขิยธรรม จะรับใช้ท่านผู้อ่านได้อีกอย่างน้อย ๒ ฉบับ
หลายวันก่อนเราพูดกันว่า เห็นท่านสุทัศน์อยู่หลัดๆ ก็มาจากไปเสียแล้ว
ก็ได้แต่หวังว่าเมื่อผ่าน ๖ เดือนข้างหน้าวงการหนังสือจะไม่ต้องพูดถึง เสขิยธรรม ด้วยถ้อยคำเดียวกัน
เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้.....
