เสขิยธรรม -
จดหมายข่าวเสขิยธรรม
หน้าแรก | สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน | แผนผังไซต์

เสขิยธรรมฉบับที่ ๕๕
คิดคนละมุม

ส.ศิวรักษ์
แสดงแก่สมัชชาคนจนและนักวิชาการนอกกระแสหลัก
ตามคำเชิญของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล
เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๔๕

สุนทรกถาเนื่องในการมอบเหรียญวิจัยดีเด่นแด่ นักวิจัยไทบ้าน

 

          ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นมงคล ทั้งแก่ตัวข้าพเจ้า ทั้งแก่ผู้มอบรางวัลเหรียญวิจัยดีเด่น และทั้งแก่ผู้รับรางวัลดังกล่าว ตลอดจนเป็นมงคลสำหรับราษฎรของเรา ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้คือ

          เมื่อพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ ๓ จะสวรรคต ได้ตรัสเตือนไว้ว่าให้เรารู้จักคบกับฝรั่ง แต่อย่าได้เลื่อมใสฝรั่งไปเสียเลยทีเดียวนั้น นับเป็นพระปัจฉิมวาจาภาษิตที่สำคัญยิ่งนัก หากเราลืมความข้อนี้ไปในรอบราว ๆ ๑๕๐ ปีมานี้ ที่เราเดินตามความคิดของฝรั่งจนหายนภัยเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรายิ่ง ๆ ขึ้นทุกที ทั้งนี้ก็เพราะความคิดของตะวันตกในกระแสหลักนั้นประกอบไปด้วยเหตุผลในทางตรรกะ ที่เป็นไปอย่างเป็นเสี่ยง ๆ อย่างปราศจากความลุ่มลึกในทางจิตวิญญาณ มองเห็นธรรมชาติเป็นดังทรัพยากรที่ต้องเอาชนะและเอามาประยุกต์ใช้ในทางเศรษฐกิจ มองเห็นมนุษยชาติอย่างเป็นเขาเป็นเรา ถ้าเป็นพวกเราแล้วใช้ได้ หาไม่ก็ต้องเอาชนะหรือเอารัดเอาเปรียบ ยิ่งเกิดองคาพยพอย่างรัฐบาลขึ้นด้วยแล้ว ชนชั้นปกครองก็ยิ่งเห็นว่าราษฎรโง่เขลาเบาปัญญา เพราะคนที่มีการศึกษาย่อมต้องเป็นข้าราชการ หรือนักการเมือง โดยที่สถาบันการศึกษาก็สยบยอมอยู่กับรัฐ หรือกับบรรษัทข้ามชาติ หาไม่ก็เดินตามอำนาจหรือเงินตรา ยิ่งกว่าจะเข้าใจในเรื่องของสัจธรรม หรือความสำคัญของราษฎร ดังจะเห็นได้ว่ามหาวิทยาลัยในกระแสหลัก ไม่เคยมอบดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ให้คนธรรมดาสามัญเอาเลยก็ว่าได้ หากมอบให้แต่กับเจ้านาย รวมถึงนักการเมือง นักการทหาร นักการค้า ตลอดจนชาวต่างชาติ เพราะเงินหรืออำนาจตลอดจนศักดิ์ศรีอันจอมปลอมของคนนั้น ๆ กัน ยิ่งกว่าการมองไปที่เนื้อหาสาระของแต่ละบุคคล ยิ่งผลงานการวิจัยด้วยแล้ว ก็ตกอยู่ในกรอบของวิธีวิทยาอย่างตะวันตก ที่ไม่ได้เป็นไปอย่างบรรสานสอดคล้องกัน และไม่ได้มองไปที่ตัวทุกขสัจทางสังคม เพื่อหาเหตุแห่งทุกข์ แล้วหาทางออกจากความทุกข์นั้น โดยสันติวิธี ในขณะที่ชาวบ้านเองสามารถวิจัยได้อย่างแยกแยะ และอย่างเป็นองค์รวม ตามหนทางของพระอริยมรรค เพราะเขาเองเผชิญมากับความทุกข์นั้นเอง และเมื่อมองไปได้ถึงเหตุแห่งทุกข์ อันมีโครงสร้างทางสังคมที่อยุติธรรมและรุนแรงครอบงำอยู่ จนทำลายได้แม้ธรรมชาติและราษฎรตาดำ ๆ เขาจึงมองเห็นทางออกได้ด้วยตัวของเขาเอง ทั้งนี้แสดงว่า ราษฎรสามารถมองเห็นได้ชัดแล้ว ถึงความกดขี่ข่มเหงของรัฐและของบรรษัทข้ามชาติ ตลอดจนรัฐวิสาหกิจ ซึ่งไม่เคยเอื้ออาทรต่อราษฎร หากริดรอนอำนาจและความชอบธรรมของราษฎรตลอดมา ฉะนั้น การที่มีพิธีมอบรางวัลในวันนี้ จึงเป็นการยืนยันอำนาจของราษฎร และอำนาจของธรรมะ ที่อยู่เหนืออำนาจอันอธรรมของชนชั้นบน

ส.ศิวรักษ์ อ่านสุนทรกถาฯ          อนึ่ง พึงตราไว้ด้วยว่าบัดนี้รัฐบาล แม้จะมาจากการเลือกตั้งหรือหาไม่ ก็ได้เป็นที่คลางแคลงใจ หรือได้รับการดูถูกดูแคลน จากสาธุชนแทบทั่วทั้งโลก รวมถึงสมาชิกรัฐสภาด้วย ทั้ง ๆ ที่สมาชิกนั้น ๆ หลายคนก็เป็นคนดี หากสถาบันทางการเมืองเช่นนี้พ้นสมัยเสียแล้ว โดยนักการเมืองมักไม่ตระหนักความข้อนี้ หาไม่ก็ใช้สถาบันการเมือง ออกกฎหมายมาอย่างกดขี่ข่มเหงราษฎร ดังกรณีพระราชบัญญัติแร่ ที่เพิ่งตราออกมาเป็นกฎหมายนั้น เท่ากับยกแผ่นดินให้ชาวต่างชาติเอาเลย มิใยว่าประชาราษฎรที่อุดรธานี จะคัดค้านการทำเหมืองแร่โปตาสอย่างไร ก็ไม่นำพา เฉกเช่นมหาวิทยาลัยในกระแสหลักก็อยู่ในสถานะปาน ๆ กัน โดยที่ในแวดวงธุรกิจการค้าที่มุ่งผลกำไร ยิ่งกว่าความชอบธรรมด้วยแล้ว ก็อยู่ในอีหรอบเดียวกัน ยิ่งสถาบันนั้น ๆ ประกอบการอย่างเป็นเสี่ยง ๆ อย่างปราศจากคุณธรรม อย่างไม่รับฟังเสียงของคนยากไร้ ไม่ว่าจะเป็นกรรมกร ชาวไร่ ชาวนา หรือประชาราษฎรตาดำ ๆ แล้วไซร้ ความชอบธรรมของชนชั้นบนก็ยิ่งคลอนแคลนไปยิ่ง ๆ ขึ้น แม้จะมีเงินและมีอำนาจ หรือมียศศักดิ์อัครฐานใด ๆ นั่นก็ล้วนเป็นการแสดงออกซึ่งอธรรมด้วยกันแทบทั้งนั้น ยิ่งใช้ความรุนแรง ความกลิ้งกะล่อน ความหน้าไหว้หลังหลอกมากเพียงใด ก็ตบตามหาชนได้เพียงในระยะสั้น ๆ เท่านั้นเอง

          ฉะนั้น การหันเข้าหาสัจจะ และสันติประชาธรรม จึงเป็นความจำเป็นและเป็นความสำคัญยิ่งนัก

          พวกเราหลายคนที่อยู่ในองค์กรพัฒนาเอกชนหรือที่เรียกกันว่า NGO นั้น ใช่ว่าจะเป็นผู้วิเศษที่บริสุทธิ์บริบูรณ์ทุกประการก็เปล่า และพวก NGO ที่กะล่อนและเลวร้ายก็มีรวมอยู่ หาก NGO โดยทั่ว ๆ ไปนั้นปราศจากอำนาจและปราศจากเงินตราที่เป็นทุนอันหนุนเนื่องมาจากความทุจริต จึงดำรงคงอยู่ได้เพราะความซื่อสัตย์สุจริต ที่พร้อมจะเดินออกนอกกระแสหลัก ด้วยการรับใช้ราษฎร อย่างรู้เท่าทันตัวเอง มากน้อยตามส่วน และควรเข้าใจธรรมชาติอย่างเคารพธรรมะ ไม่ใช่เข้าไปปู้ยี่ปู้ยำธรรมชาติและเอาชนะธรรมชาติ เพราะด้วยเหตุนี้ละกระมัง ราษฎรตาดำ ๆ และคนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบในสังคมจำนวนมาก จึงเห็นว่า เราเป็นกัลยาณมิตร ในขณะที่ฝ่ายซึ่งถือตัวว่ามีอำนาจ ยิ่งเขาปราศจากธรรมะเท่าไร ก็ยิ่งเห็นว่าเราเป็นศัตรูยิ่งขึ้นเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่พวกเราหลายคนต้องการเป็นกัลยาณมิตรกับทุก ๆ ฝ่าย โดยที่กัลยาณมิตรที่แท้นั้น คือผู้ซึ่งกล้ากล่าวสัจวาจา เตือนคนที่มีอำนาจและคนที่ไร้อำนาจด้วยเช่นกัน ว่าทุกคนต้องตั้งอยู่ในธรรม ให้ธรรมเป็นอำนาจ ไม่ใช่ใช้อำนาจให้เป็นธรรม น่าเสียดายที่คนซึ่งยึดมั่นในอำนาจและในความสำเร็จของตนเองนั้น มักเห็นบาปมิตรเป็นกัลยาณมิตร เห็นกัลยาณมิตรเป็นปาปมิตร คือเห็นกงจักรเป็นดอกบัวนั้นเอง

          กงจักรในสมัยนี้คือมิจฉาทิฐิ ที่เชื่อว่า เทคโนโลยี่ล่าสุดคือคำตอบ ที่มองเห็นอะไร ๆ ไปในทางเทคนิควิทยา เห็นคุณค่าแต่พลังงาน แต่เงินตรา แต่การลงทุนจากต่างประเทศ หรือการสยบยอมกับกระแสหลักของตะวันตก อย่างปราศจากวิจารณญาน โดยไม่เชื่อฟังกระแสพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ดังที่เอ่ยไว้แต่ต้น

          ในขณะที่ดอกบัวนั้น เกิดจากโคลนตม แล้วผุดขึ้นได้พ้นน้ำ โดยปลอดไปได้จากการย่ำยีของเต่าและปลา เมื่อพ้นน้ำขึ้นมาแล้ว ก็เบ่งบานอย่างบริสุทธิ์ แม้น้ำก็ไม่อาจติดอยู่ได้บนใบบัวหรือดอกบัว ซึ่งได้แก่ราษฎรของเราที่รวมตัวกันอย่างสันติ และต่อสู้กับอำนาจอันอธรรมของรัฐและรัฐวิสาหกิจด้วยขันติธรรม จนรวมตัวกันเป็นสมัชชาคนจนได้ แต่ถ้าชนชั้นปกครองมองไม่เห็นคุณค่าของดอกบัว ก็ย่อมชื่นชมแต่กับดอกไม้พลาสติก กับเครื่องยนต์กลไก กับอาหารแดกด่วน ตลอดจนของปลอมต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงเงินตราและทุนข้ามชาติ ซึ่งรวมเรียกว่าโลกาภิวัตน์

          คนที่เห็นกงจักรเป็นดอกบัวจะทำลายดอกบัวในทุก ๆ ทาง แล้วก็จะรับเอากงจักรมาสวมใส่ไว้ให้เป็นดังเครื่องพันธนาการ ที่จักทำลายตนเอง และทำลายอำนาจอันไม่ชอบธรรมของตนเอง ทั้งยังนำหายนะมาสู่สังคมของตนอย่างรุนแรงและเลวร้าย แม้คนพวกนี้จะนึกว่าเขามีความชอบธรรมและได้รับผลสำเร็จในทางที่เป็นของปลอมต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม

          มนุษย์ที่ปราศจากกัลยาณมิตร คือคนที่ไม่รับฟังคำเตือนด้วยความหวังดีจากคนอื่น แม้คำเตือนนั้นจะเผ็ดร้อนและรุนแรงไปบ้าง ก็ควรรับฟังไว้ด้วยมนสิการ ถ้าปราศจากมนสิการ หรือการใคร่ครวญอย่างรอบคอบแล้วไซร้ โยนิโสมนสิการก็ย่อมไม่เกิดขึ้น โยนิโสมนสิการคือการตรวจสอบตัวเองอย่างไม่ยึดติดในอัตตา แม้จะอ้างความเป็นกลาง อ้างความไม่ลำเอียง หากอคติภายในตนที่นับถือและเลื่อมใสวิธีวิทยากระแสหลักจากตะวันตกนั้นแล จักนำความหายนะมาให้เขาและพวกเขา ตลอดจนมีผลร้ายมาถึงมหาชนอีกด้วย

          ที่กล่าวมาในเชิงนามธรรมทั้งหมดนี้ ก็เพื่อจะชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลปัจจุบันและองคาพยพที่ล้อมรอบรัฐบาล ล้วนเห็นกงจักรเป็นดอกบัวด้วยกันทั้งนั้น แม้จะมีการยกย่องราษฎรตาดำ ๆ อยู่บ้าง นั่นก็คือการจัดฉาก โดยอาศัยสื่อมวลชนเป็นเครื่องมือ เพียงการเปิดประตูเขื่อน ซึ่งทำได้อย่างง่าย ๆ ก็ต้องใช้เงิน ใช้การวิจัย ใช้สถานีโทรทัศน์ถ่ายทอดสด ๆ โดยที่จนบัดนี้แล้ว เราก็ยังไม่เชื่อใจได้ว่ารัฐบาลจะเอาอย่างไรกันแน่ ดังการขอขึ้นเฮลิคอปเตอร์สำรวจตรวจดูนั้น ก็เคยพบมาแล้วที่นายชวน หลีกภัยกับการขึ้นเฮลิคอปเตอร์ดูท่อแก๊สจากพม่ามาเมืองไทยโดยผ่านกาญจนบุรี ซึ่งทำลายป่าอย่างดีที่สุดของเรา ทำลายทรัพย์สินของราษฎรตาดำ ๆ และทำลายสัตว์ป่านานาชนิด ผลจากการขึ้นเฮลิคอปเตอร์ของนายชวนก็คือเขาฟังเพียงเสียงของปตท. และของข้าราชการแล้วเลยอนุมัติให้สร้างท่อแก๊สดังกล่าว โดยไม่ฟังคำคัดค้านจากราษฎรด้วยประการใด ๆ และผลที่ติดตามมาก็คือรัฐบาลไทยต้องเสียเงินให้เผด็จการทหารพม่าปีละ ๔๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเราไม่ได้แก๊สมาแม้แต่หยดเดียว ในขณะที่ป่าไม้และทรัพยากรทางธรรมชาติของเราถูกทำลายอย่างย่อยยับ

          ยังการที่นายทักษิณ ชินวัตรไปพบกับผู้คัดค้านท่อแก๊สไทยมาเลเซีย แล้วรับปากว่าจะพิจารณาข้อเรียกร้องของราษฎรอย่างเห็นใจที่สุดนั้น แต่แล้วก็อ้างว่าตนได้ข้อมูลใหม่มา โดยจะเดินหน้าสร้างท่อแก๊สไทยไปมาเลเซียให้จงได้ ดังการจับกุมราษฎรทางปักษ์ใต้เมื่อคืนนี้นั้น ก็เป็นพยานของการใช้อำนาจอย่างป่าเถื่อนและอย่างโจ่งแจ้ง ทั้งนี้โดยมิใยต้องเอ่ยถึงราษฎรที่ถูกสังหารทางเชียงราย เพราะเขาคัดค้านโครงการที่อ้างว่าทำในนามของการพัฒนา

          ถ้านายกรัฐมนตรีได้ข้อมูลใหม่ จำต้องนำไปปรึกษากับราษฎร นั่นจึงจักเป็นความชอบธรรม เพราะรัฐบาลรู้อะไร ราษฎรก็ต้องรู้อย่างเท่าเทียมกัน ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการและตามเนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญ การตัดสินใจอย่างรับผิดชอบแต่ผู้เดียว นั่นคือการปกครองในระบอบเผด็จการ

          ยังการที่นายทักษิณนำคณะรัฐมนตรีไปประชุมร่วมกับค.ร.ม.ของนายมหาธีร์ โมหมัด แห่งมาเลเซีย ที่หาดใหญ่นั้น พึงเข้าใจได้ว่าเป็นการพบปะหารือกันของเผด็จการทั้งสองฝ่าย แม้ตามรูปแบบสองประเทศนี้จะมีทีท่าว่าเป็นประชาธิปไตยก็ตาม นายมหาธีร์กดขี่ข่มเหงราษฎร ละเมิดสิทธิมนุษยชน สยบสื่อมวลชนไว้ในอำนาจ เบียดเบียนเพื่อนร่วมงานแม้ในพรรคเดียวกัน ที่ไม่พินอบพิเทา จนเอาเข้าขังคุกด้วยการทรมานต่าง ๆ ทั้งยังตั้งข้อหาอย่างเลวร้าย เช่น กรณีของนายอันวาร์ อิบราฮิม ที่เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี ทั้งยังทำทุก ๆ อย่างเพื่อลดพระราชอำนาจของพระราชาธิบดี และก้าวก่ายกับงานด้านตุลาการอีกด้วย โดยตัวเองกับบริวารว่านเครือก็โกงกินสารพัด หากนายทักษิณยกย่องบุคคลผู้นี้ว่าเป็นมหาบุรุษ และต้องการเอาอย่างเขา คือต้องการอยู่ในอำนาจนานเช่นนั้น เพื่อพัดผันทรัพยากรมาสู่ตนและพวกตน ด้วยเล่ห์เพทุบายใด ๆ ก็ได้ มิใยว่าประเทศชาติและราษฎรจะถูกข่มเหงคเนงร้ายอย่างไร ๆ ก็ตามที โดยนายทักษิณคงต้องริดรอนพระราชอำนาจด้วยดังที่นายมหาธีร์ทำมาแล้วนั้นเอง

          เราจะต่อต้านเผด็จการ ทั้งที่เป็นรัฐบาล ทั้งที่เป็นรัฐวิสาหกิจ และทั้งที่เป็นบรรษัทข้ามชาติ เผด็จการจะใช้ความเท็จมาปนความจริง ใช้ความหลอกลวงด้วยเล่ห์เพทุบาย หากเราต้องต่อสู้ด้วยสัจจะ ทมะ และขันติ

          การที่มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนมอบรางวัลดีเด่นแก่นักวิจัยไทบ้าน ก็ดุจดังการมอบดุษฎีบัณฑิตแก่ชาวบ้านมาก่อนหน้านี้ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นับว่าเป็นการกระทำที่เป็นมงคล โดยเริ่มแต่การไม่คบคนพาล คือคนที่เคยเป็นพวกกับชาวบ้าน แล้วพอไปอยู่กับรัฐบาล ก็ลืมคนจน นับได้ว่าพวกนี้เป็นเป็นพาลชนชนิดงัวลืมตีนที่ทำตัวกร่างอย่างยกหูชูหางดังแมลงป่อง หากเราควรคบกับบัณฑิต อันได้แก่บุคคลที่เป็นนักวิจัยไทบ้าน ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ยากไร้นี้แล และการบูชานักวิจัยดีเด่นเช่นนี้ ถือว่าบูชาบุคคลที่ควรบูชา ในขณะที่คนในกระแสหลักบูชาของปลอม บูชาคนที่มียศ มีอำนาจ มีชาติตระกูล ซึ่งไม่จำต้องเป็นคนดี ที่มีคุณค่า

          ข้าพเจ้าจึงเห็นว่าพิธีมอบรางวัลวันนี้ เป็นมงคลโอกาส ที่เรามาเริ่มศักราชใหม่ โดยเลิกตามก้นฝรั่งกระแสหลัก หากกลับมาหาภูมิปัญญาดั้งเดิมของเรา เคารพธรรมชาติ เคารพราษฎรที่มีภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่มีวิถีชีวิตอยู่กับธรรมชาติมานานนม และรู้จักปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตได้อย่างเข้าได้กับธรรมชาติอย่างเป็นองค์รวม และอย่างรู้เท่าทัน โดยมีวิถีชีวิตอันเรียบง่าย

          ถ้าศักราชใหม่นี้ ได้แผ่ขยายอำนาจของราษฎรออกไปในทางความรู้ที่ควบคู่ไปกับคุณธรรม จนเป็นพลังทางสังคมและการเมืองที่สำคัญ นั่นก็เท่ากับว่าสัมมาทิฐิกลับคืนกลับมาสู่สังคมไทยและการเมืองไทย โดยเราจักไปได้พ้นการเห็นกงจักรเป็นดอกบัว หากกลับมาเคารพนับถือดอกบัวคือราษฎรส่วนใหญ่ ที่เข้าใจเนื้อหาสาระของธรรมะ นั้นแล .

หน้าแรก | กลุ่มเสขิยธรรม | ความเคลื่อนไหว | ประเด็นร้อน | ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม
นักบวชกับสังคมร่วมสมัย |> จดหมายข่าวเสขิยธรรม | รวมเว็บน่าสนใจ | แผนผังไซต์
เสขิยธรรม skyd.org
สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน

กลุ่มเสขิยธรรม ภายใต้มูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ ๑๔/๖๓ หมู่บ้านสวยริมธาร ๒ ซอย ๕
ถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก แขวง/เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ๑๐๑๗๐
โทร. ๐๒-๘๐๐-๖๕๒๖ ถึง ๘, ๐๖-๗๕๗-๕๑๕๖ โทรสาร ๐๒-๘๐๐-๖๕๔๙
... e-mail :