เสขิยธรรม -
ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม
หน้าแรก | สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน | แผนผังไซต์

วิกฤตกามเดือนกุมภาและกามอาชญาในสังคมไทย

พระมหาประญัติ มหาภินิกฺขมโน
ป.ธ.๗,ศศ.บ.(ศาสนศึกษา)

          กลางเดือนมกราคม ผู้เขียนมีโอกาสได้ไปอบรมศีลธรรมให้กับนักเรียนอาชีวะและพานิชย์จำนวนหนึ่ง ซึ่งมีพฤติกรรมที่ต้องเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ ผู้เขียนได้ถามนักเรียนว่า "เดือนกุมภาพันธ์นี้ พวกเธอจะทำอะไรกัน" เด็กส่วนมากตอบว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนหรือคนที่ "กิ๊ก" กันอยู่ แต่ก็มีจำนวนที่ตอบว่าจะทำสมุดเล่มเล็กเอาไว้บันทึกประสบการณ์เดือนกุมภา ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าเด็กหมายความว่ายังไง แต่ก็ทำให้นึกถึงโพลเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ของคนไทย โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษา ในเดือนกุมภาพันธ์ที่เคยทำกันมาทำปี แต่ปีนี้ไม่แน่ใจว่าจะมีการทำโพลอีกหรือเปล่า ปีที่แล้วสถิติพุ่งปรู๊ด ถึงขนาดว่าโรงแรมประเภทจ่ายรายชั่วโมง-วันถูกจองเต็มเอี๊ยดตั้งตั้งแต่ต้นเดือนเลยทีเดียว แม้แต่ดอกกุหลาบแดง ซึ่งแพงแค่ไหนก็ขายได้ ผู้เขียนจึงนำเสนอวิวัฒนาการความต้องการของมนุษย์ในระดับต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียนเห็นภาพที่ชัด ซึ่งการบรรยายในครั้งนั้น ผู้เขียนได้นำมาเรียบเรียงอีกครั้งเพื่อเผยแผ่ทัศนะให้กว้างมากยิ่งขึ้น

          ความเข้าใจอันดับแรกคือ "เรื่องความรัก" หากจะให้นิยามความรักคืออะไร คงนิยามได้ไม่ครอบคลุมทั้งหมด แต่เท่าที่รู้มาก็คือ "ความรัก" เป็นการเสียสละให้ผู้อื่นสมหวังมีความสุข ซึ่งตนเองเป็นผู้รับทุกข์แทนโดยมีความดีงามสากลเป็นพื้นฐาน ไม่ใช่คำออดอ้อนที่ว่า "ถ้าไม่ให้มีเพศสัมพันธ์แปลว่าไม่ได้รักกันจริง" เพราะบางทีการมีเพศสัมพันธ์ มันไม่ใช่เรื่องของความรัก แต่มันเป็นการสืบพันธุ์หรือการบำบัดความใคร่ชั่วขณะเท่านั้นเอง เมื่อความใคร่คลายลงไป ความต้องการมีเพศสัมพันธ์ก็เป็นเรื่องไร้สาระหรือน่าเบื่อในทันที แม้แต่พืชหรือต้นไม้ก็มีการสืบพันธุ์ และเมื่อมีการสืบพันธุ์ก็ต้องมีทั้งเพศผู้และเพศเมีย พุทธศาสนาเรียกต้นเหตุที่ทำให้เกิดการสืบพันธุ์ว่า "กามธาตุ" ในสัตว์ยิ่งเห็นได้ชัดว่ามีการสืบพันธุ์และมีความรู้สึกรุนแรงมากกว่าของพืชเสียอีก ยิ่งมนุษย์ด้วยแล้วคงไม่จำต้องกล่าวให้มากความ เพราะเราให้เด็กนักเรียนหันมาเรียนเรื่องเพศอย่างเปิดเผย นับตั้งแต่มีการปฏิรูปการศึกษาเป็นต้นมา โดยที่ตามแผงหนังสือก็มีภาพยั่วยวนเพศสังวาสกันเอิกเกริกให้เห็น มากยิ่งกว่าการเรียนรู้ที่แข็งกระด้างในห้องเรียนเสียอีก ทั้งนี้ยังไม่กล่าวล่วงถึงอินเตอร์เนต (Internet) ที่มีเครือข่ายทั่วโลก เอสเอ็มเอส (SMS) ในระบบสื่อสารผ่านมือถือที่เรียกใช้บริการแสนสะดวกหรือเกมกิ๊กต่าง ๆ เกลื่อนคลองถม-สะพานเหล็ก-จตุจักร

          ชีวิตตอนเป็นเด็ก เราไม่มีปัญหาต่อความอยากมากนัก เพราะพ่อแม่เป็นตู้เอทีเอ็ม (ATM) เคลื่อนที่อยู่แล้ว อยากได้อะไร แค่ร้องเอาก็สมหวัง ดังนั้น การที่เรามี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ใช่ปัญหาที่จะนำไปสู่ความอยากได้ แต่ต่อเมื่อเรารับรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธัมมารมณ์จากภายนอกโดยการไม่กำหนดรู้ ชีวิตก็เริ่มมีปัญหาแล้ว เพราะมันมักรู้สึกอยากที่จะชอบ ไม่ชอบ แล้วก็หลงใหลหมกมุ่นอยู่ในความรู้สึกนั้น ๆ พอเราโตขึ้น ร่างกายเราก็ขยายโตขึ้นตามไปด้วยจนโตเต็มที่ เริ่มตั้งแต่วัยแรกแย้มเป็นต้นไป ความอยากอีกระดับหนึ่งก็เกิดขึ้น ความรู้สึกทางเพศจึงเต็มที่ ช่วงนี้แหละที่ความอยากจะได้แสดงบทบาทที่รุนแรง เพราะมันไม่ใช่แค่หิวแล้วอยากจะกิน พออิ่มก็เลิกเท่านั้น มันเป็นความต้องการที่สูงขึ้นขึ้นไปคือการมีเพศสัมพันธ์ เมื่อความต้องการทางเพศได้รับการตอบสนองในระดับหนึ่งที่พอใจแล้ว ความรู้สึกดังกล่าวก็จะน้อยลงไปเรื่อย ๆ เรียกว่าเกิดสภาพเนือย ความหลงใหลในสิ่งที่เป็นวัตถุก็เริ่มปรากฏตัวชัดยิ่งขึ้น คือเป็นเรื่องของการปรารถนาทรัพย์สมบัติ จนอายุมากขึ้นเลยวัยกลางคนไปเข้าสู่วัยทอง การโหยหาสิ่งที่เนื่องกับสิ่งที่ไม่อาจจับต้องได้ก็ปรากฏชัดขึ้นแทน เช่น ชื่อเสียงเกียรติยศ การสะสมบุญ สร้างกุศล หรือแม้แต่ความปรารถนาเกิดในโลกหน้า

          ปัญหาในเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งผิดปรกติสำหรับมนุษยชาติ เนื่องจากว่ามีมาก่อนแล้วตามธรรมชาติ มาโดยสัญชาตญาณและมาตามปรกติ ซึ่งทำให้เกิดปัญหายุ่งยากทั้งแก่ถือปฏิบัติเฉพาะบุคคลและศีลธรรมของสังคม จนสังคมเกิดความเสื่อม มนุษย์จึงต้องตราหรือมีระเบียบประเพณีเพื่อควบคุมเรื่องดังกล่าว เช่น คนที่ทำผิดผีต้องย้ายไปอยู่ต่างหากนอกหมู่บ้าน กระทั่งเรื่องคำสอนและวิธีปฏิบัติตามแนวศาสนาก็ถูกหยิบยกหวังให้เป็นทางออกเช่นกัน เช่น เรื่องการรักษาศีล ๕ แต่ดูท่าว่ากระแสของการยั่วยุในการเสพวัตถุจะมีพลังมากเหลือเกิน ไม่ว่าเรื่องบ้านเอื้ออาทร คอมพิวเตอร์เอื้ออาทร ประกันชีวิตเอื้ออาทร แท๊กซี่เอื้ออาทร หรือแม้แต่เงินทุนเอื้ออาทรที่เป็นเงินสกปรกจากการขูดรีดคนหลงอบายมุข เอามาเป็นเงินทุนการศึกษาเพื่อล้างสมองเด็ก ทั้งนี้ยังไม่ได้รวมถึงหวยเอื้ออาทรหรือสลากเสรีที่มีแต่จะส่งคนไปสู่อบายภูมิมากยิ่งขึ้น กระทบกับความเชื่อเรื่องสัมมาอาชีวะและกฎแห่งกรรมในพุทธศาสนายิ่งนัก แม้ชีวิตชาตินี้ ท่านอาจร่ำรวยมีความสะดวกสบาย แต่อนาคตต้องไปอยู่ในทุคติและอบายภูมิต่าง ๆ….ท่านคิดว่ามันคุ้มหรือ ?

          ท่ามกลางความไม่แน่นอนนโยบายรัฐในการแก้ปัญหาความยากจนเชิงวัตถุ ด้วยการกระตุ้นความอยากจนเกินความจำเป็น และความสูญเสียค่านิยมด้านศีลธรรมอันดีงามของยุคสมัย ด้วยการที่รัฐส่งเสริมนโยบายการสร้างกรุงเทพให้เป็นเมืองแฟชั่น อันเป็นการเร่งเร้าและส่งเสริมเปิดโอกาสให้ประชาชนมีความเกี่ยวพันกับกามและกามารมณ์อย่างเปิดเผยยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นเรื่องอันตราย เพราะนับวันจะถูกปลุกเร้าให้ลุกโพลงขึ้นในความมืดบอดแห่งสติปัญญาประชาชนยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้นทุกขณะ ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตหรือผู้เสพ ประชาชนในทุกระดับชั้นและช่วงอายุ ทำให้บุตร หลาน ญาติ มิตร เพื่อนพ้อง และผู้ที่เรารู้จักจำนวนไม่น้อย กลายเป็นผู้กระทำและ/หรือเป็นผู้ถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่เคยรู้ตัวมาก่อน ในสังคมแห่งกามบริโภค การล่วงเกินและอาชญากรรมทางเพศ เนื่องจากมันกลับกลายเป็นปรากฏการณ์สามัญบนระบบสื่อสารมวลชน ไม่ว่าจะเป็นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ยักษ์หัวเขียวหรือหัวชมพู หรือสื่อทางโทรทัศน์ เช่นเดียวกับความอุดจาดในนามของศิลปะ ดังที่ปรากฏว่ามีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเพศในจีน หรือการนิยมความลามกแห่งยุคสมัย ที่ถือว่าแต่งตัวรัดรูปทำให้ดูดีขึ้น ทั้ง ๆ ที่ผิดระเบียบมหาวิทยาลัย แม้แต่ยามมาวัดก็ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวมิดชิด อันเป็นการเคารพศาสนบุคคลและศาสนสถานดั่งสมัยก่อนถือกันมาแต่ประการใด หรือการเสริมสร้างรสนิยมอันเลิศหรูดังเช่นการเปลี่ยนเครื่องใช้โทรศัพท์ หรือทั้งที่ปรากฏอยู่บนสื่อและมีให้เห็นอยู่บนร่างกายมนุษย์ เช่น การสักยันต์เป็นรูปหญิงชายตามส่วนเปิดเผยบนร่างกาย

          ยังไม่นับไปถึงความสำส่อนในทางเพศสัมพันธ์ตามความเชื่อแบบไทย ๆ ที่ว่าผู้ชายมีเมียได้หลายคน ขณะที่ผู้หญิงก็มีได้แต่ไม่ควรเปิดเผย การละเมิดต่อสิ่งดีงามในใจดังกรณีของทิดธัมม์ติดใจก๋วยเตี๋ยวเบตง ที่อนาจยิ่งนักคือการละเมิดของรักของหวงของผู้อื่นในระดับบุคคล ดังที่หกโจ๋นครปฐมรุมหื่นนักศึกษามาไม่ต่ำกว่าหกราย ส่วนในระดับท้องถิ่นดังเช่นการขึ้นทะเบียนโสเภณีให้ถูกต้องตามกฏหมายทั้งที่ผิดกฏศีลธรรม ระดับภูมิภาคหรือนานาชาติก็อย่างที่มหาอำนาจบางประเทศรุกล้ำอธิปไตยของประเทศอื่นด้วยการใส่ร้ายป้ายสี ไร้หลักฐานใด ๆ ทั้งสิ้น อันเป็นความเลวร้ายและเสื่อมทรามทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม จากข้อเท็จจริงดังกล่าว นอกจากเราจะมิได้พากันสำเหนียก มาบัดนี้พวกเราจำนวนมากถึงกับสมาทานความความต้องการวัตถุ เป็นแนวทางและเป้าหมายแห่งการดำเนินชีวิตเอาเลยทีเดียว ทั้งนี้โดยไม่ได้คำนึงถึงวัฏฏะสงสาร หากมุ่งในกามสุขเป็นที่ตั้งและมีกามสุคติภูมิ (เทวดาภูมิ) เป็นที่ไป มิใยที่ท่านผู้รู้จะตักเตือนให้ตระหนักถึงกามสังวร ก็หาได้นำพาใส่ใจไม่ หรือว่า…วิกฤตการณ์ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผ่านมา ยังไม่รุนแรงเพียงพอที่จะนับเป็นอุทาหรณ์ หรือว่าเราทั้งหลายยินดีในกามสุขัลลิกานุโยคโดยไม่ลืมหูลืมตาเสียแล้ว…อนิจจากุมภาพันธ์.. .

หน้าแรก | กลุ่มเสขิยธรรม | ความเคลื่อนไหว | ประเด็นร้อน | > ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม
นักบวชกับสังคมร่วมสมัย | จดหมายข่าวเสขิยธรรม | รวมเว็บน่าสนใจ | แผนผังไซต์
เสขิยธรรม skyd.org
สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน

กลุ่มเสขิยธรรม ภายใต้มูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ ๑๔/๖๓ หมู่บ้านสวยริมธาร ๒ ซอย ๕
ถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก แขวง/เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ๑๐๑๗๐
โทร. ๐๒-๘๐๐-๖๕๒๖ ถึง ๘, ๐๖-๗๕๗-๕๑๕๖ โทรสาร ๐๒-๘๐๐-๖๕๔๙
... e-mail :