เสขิยธรรม -
ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม
หน้าแรก | สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน | แผนผังไซต์

คุณสมัคร กับ คุณทักษิณ

บทความโดย พระกิตติศักดิ์ กิตฺติโสภโณ
กลุ่มเสขิยธรรม / ww.skyd.org

          สังเกตไหม ? ว่า..นับวันคุณทักษิณก็ยิ่งคล้ายคุณสมัครเข้าไปทุกที โดยเฉพาะคำพูดคำจา ท่วงท่า-ท่วงทำนอง ที่ส่อสะท้อน "บางอย่าง" ด้านใน ออกมาสู่สาธารณะ

          คุณสมัครนั้นเล่นการเมืองมาก่อนคุณทักษิณ ผ่านร้อนผ่านหนาวทางการบ้านการเมืองมามากต่อมาก เป็นนักเขียน-เป็นคอลัมนิสต์ เป็นนักจัดรายการทีวี-วิทยุ ปากกาคม-ฝีปากกล้า เคยเป็นสมาชิกสภาแต่งตั้งและเลือกตั้งมาแล้วแทบนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งในฐานะลูกพรรคอื่น และหัวหน้าพรรคที่ตนก่อตั้งเอง จนได้ดิบได้ดี มีโอกาสแสดงความสามารถทั้งทางนิติบัญญัติ และทางฝ่ายบริหารหลากหลายตำแหน่ง เมื่อเปลี่ยนแนวมาสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็ประสบความสำเร็จจากความนิยมและคะแนนเสียงอย่างล้นหลาม ถึงมากกว่าหนึ่งล้านคะแนน ซึ่งเป็นบทสรุปได้ระดับหนึ่ง ว่า..คุณสมัคร สุนทรเวช นั้นไม่ธรรมดา !

          ด้านคุณทักษิณเองก็เช่นกัน เป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างชนิดเรียกได้ว่า ยากที่ใครจะทำตาม หรือเลียนแบบฝีไม้ลายมือได้ แม้จะไม่รุ่งโรจน์ในหน้าที่ราชการ แต่สามารถเบนเข็มมาทำธุรกิจจนอยู่ในอันดับต้น ๆ ของคนมีฐานะ "ร่ำรวย" ของเมืองไทย ด้วยเวลาเพียงสองทศวรรษเศษ ด้วยกิจการที่ตนริเริ่ม และเป็น "ต้นคิด" หรือ "ต้นแบบ" หลายต่อหลายอย่าง เมื่อหันเหมารับใช้ชาติทางการเมือง พอผ่านการชิมลางในพรรคที่คนอื่นก่อตั้งมาได้ระยะหนึ่ง ก็เล็งเห็นช่องว่างช่องโหว่ แล้วปรับกระบวนท่ามาตั้งพรรคเองได้อย่างสวยงาม จนสร้างปรากฏการณ์ทางการเมือง และสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แวดวงการเมืองไทยได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระทั่งล่าสุด สามารถนำพานักการเมืองในสังกัดผ่านการเลือกตั้งมาได้อย่างล้นหลาม คาดกันว่าจะสามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้เป็นครั้งแรก ของประวัติศาสตร์การเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย "แบบไทย ๆ"

          ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ถือว่าย่นย่อเต็มที กับความสามารถและความสำเร็จของทั้งสองท่าน ที่ก่อร่างสร้างตัวมาด้วยลำแข้งของตนเอง จนมีที่อยู่ที่ยืนได้อย่างองอาจ ภายใต้วิถีของสังคมและวัฒนธรรม "แบบไทย ๆ" กล่าวคือ เป็นความสำเร็จของ "บุคคลสาธารณะ" เท่าที่เจ้าตัวแสดงออก หรือสังคมสามารถ รับรู้-รับเห็น ได้ ด้วยวิธีการเสพรับข้อมูลปกติ--ทั่ว ๆ ไป (เพราะดูจะไม่มีกระบวนการตรวจสอบและยืนยันอื่น ๆ ที่ดีไปกว่านั้น)

          และด้วยเหตุที่ประสบความสำเร็จอย่างชัดเจนและรวดเร็ว "ด้วยลำแข้งของตนเอง" นี่ละกระมัง จึงทำให้ทั้งคู่มีลักษณะอาการเชื่อมั่นในตนเองและไม่ฟังใครง่าย ๆ ใกล้เคียง หรือคล้ายคลึงกัน โดยมิได้นัดหมาย

          คุณสมัครนั้นเป็นที่รู้จักมาก่อน ว่าวิพากษ์วิจารณ์ใครต่อใคร โดยเฉพาะสื่อมวลชน ด้วยฝีมือฝีปากที่สมบูรณ์พร้อมทั้ง "รูปมวย" และ "ลำหักลำโค่น" ขณะเดียวกัน คุณสมัครก็เชี่ยวชาญในการ "เล่นกับสื่อ" หรือ "ใช้สื่อ" อย่างที่นักการเมืองรุ่นเดียวกัน (หรือกระทั่งรุ่นหลังก็ตามที) ยากจะเทียบได้ ว่ากันว่า ครั้งกระโน้น เมื่อนักข่าวโทรทัศน์จะสัมภาษณ์ คุณสมัครสามารถกำหนดมุมกล้องและรายละเอียดต่าง ๆ ให้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนเลยทีเดียว เช่นเดียวกับงานเขียน ที่คุณสมัครมีแฟนประจำ (ไม่ใช่ขาประจำอย่างยุคนี้) เป็นจำนวนมาก และยุคหนึ่งที่คุณสมัครลงทุนทำหนังสือพิมพ์เอง (ถ้าจำไม่ผิด) ก็ได้รับการขานรับจากคนอ่านเป็นอย่างดี แถมยังสามารถใช้หนังสือพิมพ์วิจารณ์หนังสือพิมพ์ด้วยกันเอง (แมลงวันตอมแมลงวัน) อย่างแสบสันต์แสบไส้ได้อีกต่างหาก

          ด้านคุณทักษิณก็เป็นที่ประจักษ์ชัด ว่าสามารถใช้ "สื่อ" เพื่องานทางการเมืองและการค้าของตนกับครอบครัว-เพื่อนมิตร ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ทุกครั้งที่มีแคมเปญการเมืองและการค้าออกมาสู่สาธารณะ ก็เป็นที่ฮือฮาและได้รับการตอบสนองอย่างเป็นกอบเป็นกำ จริงอยู่ แม้ว่าระยะหลังหลาย ๆ เรื่องจะเป็นแนวคิดหรือผลงานของคนอื่น ๆ ที่อยู่ในระดับมืออาชีพ แต่เชื่อได้ว่าต้องผ่านการรับรู้หรืออนุมัติมาจากคุณทักษิณ หรือคนที่คุณทักษิณมีส่วนเลือกมาใช้งานนั่นเอง และแม้ว่าผลงานด้านการเขียนจะไม่เป็นที่แพร่หลาย แต่ใครที่ได้ฟังคุณทักษิณปราศรัย หรือพูดกับสาธารณะ ก็จะเห็นและได้ยินได้ฟังถึงความจริงจังเด็ดขาด อันส่อสะท้อนว่าคิดชัด คิดเร็ว และคิดเป็น ยิ่งรายการวิทยุ "นายกพบประชาชน" ของคุณทักษิณด้วยแล้ว เดิมทีใครต่อใครก็หาว่าบังคับกรอกหูผู้ฟัง แต่พอเอาเข้าจริงก็ถือได้ว่าเป็นรายการที่เรตติ้งสูงสุดรายการหนึ่ง มีผู้คนติดตามกันอย่างต่อเนื่องมาเนิ่นนาน ส่วนที่ "ยิ่งไปกว่า" คุณสมัครที่ทำหนังสือพิมพ์เอง ก็คือ ที่ผ่านมากิจการในเครือของครอบครัวคุณทักษิณ ได้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสถานีโทรทัศน์ และเป็นผู้ให้สปอนเซอร์กับสื่อหลากหลายชนิด ในอัตราส่วนค่อนข้างสูงต่อเนื่องกันมาหลายปี ถึงกับมีการกล่าวว่า หากสื่อใดไม่ได้รับการสนับสนุนจากกิจการในเครือของครอบครัวคุณทักษิณ ญาติมิตร และผู้คนแวดล้อมหลากหลายวงการแล้ว ก็ยากที่จะอยู่รอดได้ ในวงการสื่อมวลชนปัจจุบัน

          นอกเหนือจากการ "พูดจา" และ "ท่าที" ของคุณสมัครและคุณทักษิณแล้ว สิ่งที่ออกจะคล้ายกันมากอย่างเด่นชัดด้วยก็คือ ทั้งสองท่านเป็นผู้มีจินตนาการอย่างกว้างขวางและกว้างไกล แม้ว่าบางเรื่องเมื่อทำเข้าจริงก็ไม่สำเร็จ หรือกระทั่งสร้างความเสียหายให้กับตนเอง หน้าที่การงาน หรือสิ่งที่ท่านเกี่ยวข้อง แต่ใครก็คงปฏิเสธไม่ได้ ว่าคุณสมัครและคุณทักษิณนั้น เป็นผู้มีความคิดริเริ่ม และกล้าได้กล้าเสียในการนำเสนอความคิดเห็นหรือภาพฝันของตนเสมอ

          และที่ถือเป็นเหมือนกันอย่างเป็นพิเศษ ที่บางฝ่ายอาจไม่ชื่นชมแต่ "มิตรรักแฟนเพลง" ของคุณสมัครคุณทักษิณได้ "เฮ" และ "สูดปาก" อย่างถึงอกถึงใจอยู่เสมอ ก็คือการวางตนเป็นคนรักชาติอย่างแรงกล้า ชนิดที่อาจถือได้ว่าเป็นพวกขวาจัด-ชาตินิยม และพร้อมที่จะตอบโต้ด่าทอกับใครก็ได้ ที่ตนรู้สึกว่า "ไม่รักชาติ" แม้ว่า "ความรักชาติที่เห็นไม่สอดคล้องกัน" นั้น จะเป็นเพียงความแตกต่างทางด้านเนื้อหาและวาทกรรมก็ตาม เพราะดูเหมือนกับว่า เอาเข้าจริง คุณสมัครและคุณทักษิณจะแทบไม่ไว้วางใจในความรักชาติของคนอื่นเอาเลย นี่อาจฟังดูคล้ายข้อเสีย แต่กลับเป็นความเด็ดเดี่ยวเด็ดขาดที่น่ายกย่องในสายตาของ "แฟนคลับ" มาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน เมื่อผสมผสานเข้ากับท่าทีที่พร้อมจะใช้ความรุนแรงชนิด "ตาต่อตา-ฟันต่อฟัน" ตอบโต้กับฝ่ายอื่น ๆ ที่คุณสมัครและคุณทักษิณถือเป็นฝ่ายตรงกันข้าม ทั้งด้วยวาจา-ท่าที ด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ และด้วยกำลังอาวุธแล้ว ไม่น่าแปลกใจนัก ที่ปัจจุบัน คุณสมัครกับคุณทักษิณจะประสบความสำเร็จร่วมกันราวกับฟ้าดินบันดาล กล่าวคือ คุณทักษิณได้รับการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย และคุณสมัครหลังหมดสมัยผู้ว่าการฯ กลับกลายเป็นนักจัดรายการยอดนิยม ทั้งทางวิทยุและโทรทัศน์อีกครั้งหนึ่ง จนหลายฝ่ายคาดกันว่า คุณสมัครจะกลับมา "เกิด" ทางการเมืองอีกแน่ ๆ ในฐานะสมาชิกวุฒิสภา ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

          ที่ว่ามาตั้งแต่ต้น ก็เพื่อจะชี้ชวนให้สาธุชนทั้งหลายได้มีมุมมองบางด้านเพิ่มเติมขึ้น และเพื่อตอบคำถามว่าเอาเข้าจริง "เรา" กำลังอยู่ในยุคไหน และกำลังเผชิญหน้ากับคนเช่นไร เพื่อว่าผู้มี ญาณทัศนะ-หูตากว้างไกล จะสามารถจินตนาการ หรือมองเห็นไปในอนาคต ว่าจะออกจาก "กับดัก" ของ "ผู้นำ" และ "การนำ" ที่ไม่พึงประสงค์ได้อย่างไร..

          มีพุทธพจน์อันมีมาใน พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ เล่มที่ ๑๖ บรรทัดที่ ๔๐๘๗ - ๔๑๓๘. หน้าที่ ๑๗๐ - ๑๗๒. ว่าด้วยจังกมสูตร (ตอนท้าย) ความว่า

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันโดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน กับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว สัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน กับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี

          แม้ในอดีตกาล สัตว์ทั้งหลายก็ได้ คบค้ากันแล้ว ได้สมาคมกันแล้ว โดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว ได้คบค้ากันแล้ว ได้สมาคมกันแล้ว กับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว สัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี ได้คบค้ากันแล้ว ได้สมาคมกันแล้ว กับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี

          แม้ในอนาคตกาล สัตว์ทั้งหลายก็จักคบค้ากัน จักสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว จักคบค้ากัน จักสมาคมกัน กับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว สัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี จักคบค้ากัน จักสมาคมกัน กับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี

          แม้ในปัจจุบันกาล สัตว์ทั้งหลายก็ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน กับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว สัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดีฯ (เน้นคำและจัดวรรคตอนโดยผู้เขียนบทความนี้)

 

          การที่คุณสมัครกับคุณทักษิณมีวาจา, ท่าที และ "ตัวตน" บางด้าน (หรือหลายด้าน) คล้ายคลึงหรือสอดคล้องต้องกัน คงไม่ใช่เรื่องตัดสินความดีความเลว หรือแสดงว่าเป็น สิ่งที่ใช้ได้-ใช้ไม่ได้ ตลอดจนจะเป็นที่มาของความสำเร็จหรือล้มเหลวใด ๆ ของคนที่เห็นด้วย หรือประสงค์จะเอาอย่าง ทั้งยังไม่ใช่สิ่งที่จะยืนยันว่าคุณสมัครกับคุณทักษิณจะต้องเป็นพวกพ้อง ทำนองว่าทั้งคู่เป็น "สมัคร-พรรคพวก" อย่างที่พูด ๆ กันมา

          เรียกว่าเป็นแค่เรื่องของจริตนิสัยที่บังเอิญสอดคล้องต้องกัน แล้วดันมาร่วมสมัยกันเข้าเท่านั้น !!

          ต่อเมื่อเราทั้งหลาย "เออออห่อหมก" ไปกับฝาแฝด (โดยสมมติ) ต่างรุ่นต่างวัยคู่นี้ต่างหาก ที่จะตัดสินได้โดยง่าย..ว่า เรามี "ธาตุ" เช่นไรแน่ เพราะนั่นคือสิ่งที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้กว่าสองพันห้าร้อยปีเข้านี่แล้ว…

          ว่าก็ว่าเถอะ..มันเป็นเรื่องความนิยมร่วมสมัย หรือว่าประชาชนคนไทยไร้เพื่อนที่ดี ไม่มีทางออก และ..ไม่มีที่ไปหมดแล้วกันแน่ ??.. .

หน้าแรก | กลุ่มเสขิยธรรม | ความเคลื่อนไหว | ประเด็นร้อน | > ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม
นักบวชกับสังคมร่วมสมัย | จดหมายข่าวเสขิยธรรม | รวมเว็บน่าสนใจ | แผนผังไซต์
เสขิยธรรม skyd.org
สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน

กลุ่มเสขิยธรรม ภายใต้มูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ ๑๔/๖๓ หมู่บ้านสวยริมธาร ๒ ซอย ๕
ถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก แขวง/เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ๑๐๑๗๐
โทร. ๐๒-๘๐๐-๖๕๒๖ ถึง ๘, ๐๖-๗๕๗-๕๑๕๖ โทรสาร ๐๒-๘๐๐-๖๕๔๙
... e-mail :