เสขิยธรรม -
ประเด็นร้อน
หน้าแรก | สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน | แผนผังไซต์

จับตาแผนยึดวัด!

"ทีมข่าวศาสนา" ไทยรัฐ

          เทศกาลสงกรานต์ หรือปีใหม่ไทย ตามธรรมเนียมของชาวพุทธ นอกจากการ รดน้ำดำหัว ขอพรผู้ใหญ่ตามประเพณีแล้ว การตักบาตรทำบุญ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่ขาดไม่ได้ รวมถึงการก่อพระเจดีย์ทราย หรือการขนทรายเข้าวัด ก็เป็นความเชื่อที่พุทธศาสนิกชน ถือปฏิบัติมานานนับศตวรรษ

          เป็นกุศโลบายว่าเราเดินเข้าออก อาจจะมีดิน มีทรายในวัดติดเท้าออกมา ปีหนึ่งก็ต้องขนทรายกลับไปคืนวัด เพื่อเป็นการล้างบาปของตนเอง

          แต่วันนี้ต่อให้ก่อกองทรายนับล้านๆกอง คงไม่มีความหมาย เพราะแผ่นดินพระพุทธศาสนา กำลังจะถูกยึด!

          ที่ดินวัด ที่ธรณีสงฆ์รวมทั้งที่ศาสนสมบัติกลาง ที่ถือเป็นสมบัติของชาติ ของพระพุทธศาสนากำลังถูกกฎหมายคุกคาม ยื้อแย่งสิทธิในการครอบครองที่ดินใหม่

          ทั้งๆที่แต่เดิมคนไทยเราเชื่อสืบต่อ กันมาว่า ที่ดินวัด ที่ธรณีสงฆ์ หรือทรัพย์สินแม้เล็กน้อย ที่เป็นของ พระพุทธศาสนานั้น ไม่ควรไปแตะต้อง เพราะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่กรวด ทราย เศษดิน ที่เวลาเราไปทำบุญที่วัด ติดกลับมายังไม่ได้เลย

          แต่ในโลกยุคใหม่ความเชื่อดังกล่าว กลับถูกท้าทายจากกฎหมาย ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือกลไก วัดในพระพุทธศาสนาก็ไม่ได้รับยกเว้น

          ล่าสุดมีกฎหมาย ที่ถือเป็นภัยคุกคาม ต่อความมั่นคงของ พระพุทธศาสนา เกิดขึ้น นั่นก็คือร่าง พ.ร.บ.จัดรูปที่ดิน เพื่อพัฒนา พื้นที่ พ.ศ.... เสนอโดยคณะรัฐมนตรี มีทั้งสิ้น ๘๘ มาตรา เป็นร่าง พ.ร.บ.ที่เกิดขึ้นและ ดำเนินการกันอย่างเงียบๆ กว่าชาวพุทธ จะรู้ตัวภัย ก็มาจ่อถึงหน้าบ้านแล้ว เพราะร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ผ่านการพิจารณาของ สภาผู้แทนราษฎร วาระ ๑ และผ่านการพิจารณาของ วุฒิสภาแล้ว

          หลักการสำคัญของร่าง พ.ร.บ.จัดรูปที่ดินฯ อ้างว่าเพื่อส่งเสริมให้เอกชนเข้ามา มีส่วนร่วมกับภาครัฐ ในการจัดรูปที่ดินเพื่อประโยชน์ ในการพัฒนาสภาพที่อยู่อาศัย แหล่งธุรกิจ และอุตสาหกรรม ปรับปรุงหรือจัดสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อ แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมของเมืองและ ชนบทที่เสื่อมโทรม อันเป็นการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของชุมชนเมืองและ ชนบท

          โดยร่าง พ.ร.บ.นี้จะเปิด ให้มีการจัดสรรที่ดินกันใหม่ ทั่วประเทศ รวมทั้งที่ดินวัด ที่ธรณีสงฆ์และที่ศาสนสมบัติกลาง มีหน่วยงานที่รับผิดชอบ ประกอบด้วย กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย กรมธนารักษ์ กระทวงการคลัง กรมทางหลวงชนบท กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

          และมีคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่ง เรียกว่าคณะกรรมการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ จำนวน ๒๕ คน มี รมว.มหาดไทย เป็นประธาน ทำหน้าที่ กำหนดนโยบาย เป้าหมายและมาตรการสำคัญเกี่ยวกับการจัดรูปที่ดิน และยังให้มีคณะกรรมการจังหวัด จังหวัดละ ๑๘ คน ทำหน้าที่สนองนโยบายและให้เสนอความเห็นเกี่ยวกับการนำที่ดินของรัฐ ที่วัด ที่ธรณีสงฆ์หรือที่ศาสนสมบัติกลาง มาจัดรูปใหม่ถ้าเห็นสมควร โดยไม่ต้องเวนคืน

          ตรงนี้น่าแปลก ที่การจัดรูปที่ดิน ที่เกี่ยวกับวัด ที่ธรณีสงฆ์ ที่ศาสนสมบัติกลาง กลับไม่มีตัวแทนคณะสงฆ์ หรือตัวแทนสำนักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่รับผิดชอบดูแล เข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย แต่ที่สำคัญยังไปเปิดโอกาส ให้มีการจัดตั้ง สมาคมเอกชน รวมตัวกันแค่ ๓ คนก็สามารถเข้าไปดำเนินการ จัดรูปที่ดินร่วมกับรัฐได้อีกต่างหาก

          สำหรับมาตราที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของพระพุทธศาสนา มีทั้งสิ้น ๕ มาตรา คือ มาตรา ๖ (๙) ออกระเบียบเกี่ยวกับการนำที่ดินของรัฐ ที่วัด ที่ธรณีสงฆ์หรือที่ศาสนสมบัติกลางมาใช้ การจัดที่ดินอื่นทดแทนที่ดินของรัฐ ที่วัด ที่ธรณีสงฆ์หรือที่ศาสนสมบัติกลาง และการเวนคืนที่ดินในเขตดำเนินการจัดรูปที่ดินมาตรา ๑๓ (๖) เสนอความเห็นต่อคณะกรรมการเกี่ยวกับการนำที่ดินของรัฐ ที่วัด ที่ธรณีสงฆ์หรือที่ศาสนสมบัติกลางมาใช้ การจัดหาที่ดินทดแทนที่ดินของรัฐ ที่วัด ที่ธรณีสงฆ์หรือที่ศาสนสมบัติกลาง และการเวนคืนที่ดินในเขตโครงการจัดรูปที่ดิน

          มาตรา ๔๐ (๑๐) โครงการจัดรูปที่ดินในพื้นที่ใด ถ้ามีที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อื่นที่จะจัด เพื่อจำหน่าย หรือที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ของรัฐ ที่วัด ที่ธรณีสงฆ์ หรือที่ศาสนสมบัติกลาง ที่จำเป็นต้องนำมาใช้ พร้อมทั้งบริเวณที่จัดขึ้นเป็นการทดแทน และรายละเอียดเกี่ยวกับการรื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายสิ่งที่จัดทำเพื่อสาธารณูปโภค หรือสาธารณูปการ ให้กำหนดไว้เป็นรายละเอียด ของโครงการด้วย

          ที่อันตรายที่สุดอยู่ที่มาตรา ๕๔ ระบุว่า ที่วัดที่ธรณีสงฆ์หรือ ที่ศาสนสมบัติกลาง ในเขตดำเนินการจัดรูป ที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ ถ้าผู้ดำเนินโครงการ จัดรูปที่ดิน จำเป็นจะต้องนำ มาใช้ในการจัดรูปที่ดิน เพื่อการพัฒนาพื้นที่ให้เสนอเรื่องต่อ คณะกรรมการเพื่อพิจารณา และเมื่อให้ความเห็นชอบ ให้นำที่ดินมาใช้ ให้มีผลเป็นการถอนสภาพหรือ โอนตามประมวลกฎหมายที่ดิน กฎหมายที่ว่าด้วย ราชพัสดุ กฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ หรือกฎหมายอื่นเกี่ยวกับที่ดินนั้นและ ให้ผู้ดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินมีอำนาจใช้ที่ดิน

          หมายความว่า กรรมการสามารถนำ ที่ดินวัดไปใช้ได้เลย โดยไม่ต้องโอน และไม่ต้องรอมหาเถรสมาคม มีมติก่อน แต่ดำเนินการได้เลย แล้วค่อยมาบอกมหาเถรสมาคม ให้รับทราบ เพราะในมาตรา ๕๗ ได้ขยายความต่อว่า ในบริเวณโครงการจัดรูปที่ดินที่ได้รับ ความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ส่วนจังหวัดแล้ว ผู้ดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินหรือ ผู้ซึ่งได้รับมอบหมาย มีสิทธิที่จะดำเนินการโดยไม่ต้องขอความยินยอมจากเจ้าของที่ดิน

          ยิ่งไปกว่านั้น ในหมวดที่ ๘ บทกำหนดโทษ มาตรา ๘๓ ยังระบุด้วยว่า ผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติงาน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๖ เดือนหรือไม่เกิน ๑ หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

          เรียกว่างานนี้ เจ้าอาวาสวัด มีสิทธิติดคุกได้ หากไปขวางการจัดรูปที่ดิน

          น.พ.สมพนธ์ บุณยคุปต์ ประธานสภาองค์กรพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย แกนนำ ๔๑ องค์กรพระพุทธศาสนา ที่ออกมาคัดค้านร่าง พ.ร.บ.จัดรูปที่ดินฯ กล่าวว่า พ.ร.บ.นี้อันตรายมาก เพราะมีการเสนอกันแบบเงียบๆ แม้แต่นายวิษณุเครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบงานพระพุทธศาสนายังไม่รู้ เนื้อหาคือต้องการยึดที่ดินวัดเลย ขณะนี้วัดต่างๆ ทั่วประเทศ ตกใจมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศพระพุทธศาสนา ทำไมต้องเอาที่ดินวัดไปใช้ประโยชน์ ทุกวัดคัดค้านให้มีการตัดคำว่าที่วัด ที่ธรณีสงฆ์หรือที่ดินศาสนสมบัติกลางออกให้หมด “สาเหตุที่ทำให้มีการออกร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวว่า น่าจะเกิดจาก ๒ สาเหตุคือ ๑. เป็นเรื่องผลประโยชน์ เพราะที่วัดส่วนใหญ่ อยู่ในแหล่งชุมชน เป็นที่ดินที่มีราคา ทำให้ นักลงทุนหรือนักการเมืองอยากได้ ๒. มาจากผู้ไม่หวังดีต่อพระพุทธศาสนา”

          ขณะที่มหาเถรสมาคม มีมติไม่รับร่าง พ.ร.บ. จัดรูปที่ดิน พร้อมกับให้นำมติเสนอ ส.ส.-ส.ว.และรัฐบาล ให้ตัดข้อความใน พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับที่ดินวัด ที่ธรณีสงฆ์และ ที่ศาสนสมบัติกลางออกให้หมด

          “ทีมข่าวศาสนา” มองว่า เรื่องนี้หากไม่หาทางยุติโดยเร็ว อาจจะเป็นชนวนร้าวฉานระหว่าง คณะสงฆ์ ชาวพุทธที่รักพระศาสนากับ ส.ส.-ส.ว. และรัฐบาล ที่ถูกมองว่ามีเบื้องหลังไม่บริสุทธิ์

          ดังนั้น ปัญหาจึงอยู่ที่ ส.ส.-ส.ว.และรัฐบาลแล้วว่า จะชี้ขาดข้อขัดแย้งหรือหาทางออกให้ คลี่คลายลงด้วยวิธีการใด เพราะที่ผ่านมาปัญหาระหว่างคณะสงฆ์กับรัฐบาลก็มีมากพออยู่แล้ว

          ก่อนที่จะสายไปมากกว่านี้.. .

หน้าแรก | กลุ่มเสขิยธรรม | ความเคลื่อนไหว |> ประเด็นร้อน | ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม
นักบวชกับสังคมร่วมสมัย | จดหมายข่าวเสขิยธรรม | รวมเว็บน่าสนใจ | แผนผังไซต์
เสขิยธรรม skyd.org
สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน

กลุ่มเสขิยธรรม ภายใต้มูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ ๑๔/๖๓ หมู่บ้านสวยริมธาร ๒ ซอย ๕
ถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก แขวง/เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ๑๐๑๗๐
โทร. ๐๒-๘๐๐-๖๕๒๖ ถึง ๘, ๐๖-๗๕๗-๕๑๕๖ โทรสาร ๐๒-๘๐๐-๖๕๔๙
... e-mail :