เสขิยธรรม -
ประเด็นร้อน
หน้าแรก | สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน | แผนผังไซต์

"ขาประจำ" ของคุณทักษิณ

พระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ
กลุ่มเสขิยธรรม

แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็สั่งการให้ "เลิกออกหวยหงส์" ด้วยเหตุว่ารับฟังข้อคิดและคำแนะนำของคุณจำลอง ศรีเมือง โดยตอบคำถามนักข่าวทำนองว่า ตนยินดีรับฟังคำชี้แนะของคนมีเหตุผล และปรารถนาดีต่อบ้านเมือง โดยเฉพาะที่อาศัยหลักธรรม และมิใช่ ขาประจำ

          ดังที่ นสพ.ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๔๗ ยกคำพูดมาแสดงไว้ว่า

          "ผมนี่นะ คนบ่นอะไร ผมได้ยินหมด แต่ถ้าขาประจำบ่นผมจำไม่ฟัง เพราะขาประจำพูดทุกเรื่อง ว่าทุกเรื่อง แต่ที่ไม่ใช่ขาประจำ เป็นคนที่มีเหตุผล และเขาปรารถนาดีต่อบ้านเมือง แล้วเขาก็เข้าใจผม เขาถือว่าบ้านเมืองสำคัญกว่า อย่างนี้ผมฟัง อย่างหมอเสม พริ้งพวงแก้ว อย่าง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ท่านพูดอะไรผมคิด เอาหลักธรรมมาคิด เออ ใช่ ใช่ ผมถอยเลย ผมเป็นคนไม่ยึดติดเรื่องหน้า ไม่มีคำว่าหน้า อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมทำ อะไรที่ไม่ใช่ก็ไม่ทำแค่นั้นเอง" นายกฯ กล่าว

          หรือที่ปรากฏใน นสพ.มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ ๔ มิถุนายน ที่ว่า

          "ผมมี ไม่ต้องห่วง ผมโดดลงได้ทุกเวลา ผมสบาย รถสิบล้อวิ่ง ผมก็โดดได้ ใครบ่นอะไร ผมได้ยินหมด แต่ถ้าขาประจำบ่นจะไม่ฟัง เพราะขาประจำว่าทุกเรื่อง แต่ถ้าไม่ใช่ขาประจำที่มีเหตุมีผล ปรารถนาดีต่อบ้านเมืองและเข้าใจผม แต่ถือว่าบ้านเมืองสำคัญกว่าอย่าง น.พ.เสม พริ้งพวงแก้ว หรือ พล.ต.จำลอง อย่างนี้ผมฟัง"

          น่าสนใจว่าตรรกะ "ได้ยินแต่ไม่ฟัง" ของท่านนายกทักษิณนั้น เหมาะควรกับ "สถานภาพโดยตำแหน่ง" ของท่านหรือไม่, เพราะเหตุใด

          และที่ว่า "ขาประจำ" นั้น เป็นใคร หรืออะไรบ้าง จึงทำให้นายกรัฐมนตรี คนที่ ๒๓ ของไทย อยู่ในอาการ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่, เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา จนบางครั้งกลายเป็น "ฟังไม่ได้ศัพท์ฯ" ไปเสีย

          ว่ากันว่า หากใครที่สะใจในการตอบโต้ทางการเมือง ระหว่างผู้นำรัฐหรือผู้อยู่ในตำแหน่งบริหารบ้านเมืองอย่างเป็นทางการ กับฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบาย หรือวิธีการบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อพรรคไทยรักไทยได้จัดตั้งรัฐบาล ก็สูดปากด้วยความเผ็ดมัน และตื่นระทึกไปกับสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง ค่าที่ท่านนายกฯ เป็นคน "ปากจัด" และพร้อมเสมอที่จะสวนกลับคนที่เห็นแย้งหรือคัดง้างท่าน ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม แม้บางครั้งจะทำให้ท่านเอง "เสียรังวัด" หรือ "ตกม้าตาย" เอาง่าย ๆ ก็ตาม

          ดีไม่ดีท่านอาจจะติดอันดับ "นายกฯ ปากจัด" ของไทย หรือของโลกเสียด้วยซ้ำ

          ดั่งวาทะ " UN ไม่ใช่พ่อ" ที่ฮือฮากันมาแล้วคราวหนึ่ง…

ความเสมอต้นเสมอปลายของคุณทักษิณในเรื่อง "วาจา" และ "ท่าที" (สัมมาหรือมิจฉาก็อีกเรื่อง) นั้น ปรากฏให้เห็นจนเจนหูเจนตา ตั้งแต่ครั้งรับตำแหน่งใหม่ ๆ หรือหากใครสนใจติดตามชีวิตและผลงานของท่าน ก็พบได้ไม่ยาก ว่าท่านเป็นของท่านอย่างนี้มานานแล้ว

          บางคนก็ตั้งข้อสังเกต ว่าเป็นอาการของคนเชื่อมั่นในตัวเองสูง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ตามกรอบของสังคมแบบใดแบบหนึ่ง คนรวยก็มั่นใจในตัวเองแบบคนรวย คนฉลาดก็มั่นใจตัวเองแบบคนฉลาด คนเก่งก็ย่อมมั่นใจในตัวเองว่าเก่ง ฯลฯ ตามปริมาณ "ความยึดมั่นถือมั่น" ที่ตนมี-ที่ตนเป็น

          ประเด็นก็คือ อาการ "ปากจัด-ปากไว-ใจร้อน" ของท่านนายกนั้นเป็นเรื่องคงเส้นคงวา ขณะที่ผู้ "วิพากษ์-วิจารณ์-ทักท้วง" ท่าน นับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้น ! !

          คนความจำปานกลางหรือค่อนข้างดี คงจำกันได้ว่า อย่างน้อย ทั้งคุณหมอเสม และคุณจำลอง ซึ่งปรากฏอยู่ในคำพูดท่านนายกที่ยกมาข้างต้น ต่างก็เป็นคนที่เคยชื่นชอบ-ชื่นชม หรือเคยเชียร์คุณทักษิณมาก่อนแล้ว คุณหมอเสมเองนั้น ถึงกับเคยเชิดชูให้ท่านผู้นำฯ เป็น "อัศวินควายดำกู้ชาติ" เอาเลยทีเดียว

          ทั้งนี้ยังไม่นับรวม คุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม คุณหมอประเวศ วะสี อาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองอีกเป็นอันมาก ทั้งจากฝ่ายวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้บริหารเอกชน หรือจากภาคส่วนอื่น ๆ แต่กาลบัดนี้ ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลกลใดก็ตาม แทบทุกท่านดูจะพลัดตกลงมาในเข่ง "ขาประจำ" เสียแทบหมดสิ้น

          กลับกลายเป็นว่า "ขาประจำที่เคยเชียร์" ก็มีมากขึ้นและมากขึ้น

          ขณะ "ขาจรเจ้าทำเนียบ" ยืนหยัดตอบโต้อยู่คนเดียวอย่างทุลักทุเล ทั้งยังเริ่มเคร่งเครียด-อ่อนล้าให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ที่ว่า "มั่นคง" คือมั่นคงที่จะ "ได้ยินแต่ไม่ฟัง" ขณะที่การตอบโต้กลับแฝงไว้ซึ่งความเคร่งเครียดเหน็ดเหนื่อย คล้ายจะ "ถอยทางยุทธวิธี" ซึ่งแปลว่าถอยกรูดและลื่นไถลลงหุบเหวนั่นเอง

          สังเกตกันบ้างไหมว่า เดี๋ยวนี้ท่านนายกไม่ค่อยยิ้ม และแทบปราศจากอารมณ์ขันที่เคยมีเสียแล้ว

ผู้เขียนในฐานะพระภิกษุซึ่งอุปสมบทอยู่ในร่มเงาพระพุทธศาสนา ก็ได้แต่ขอให้กำลังใจและหวังว่าท่าน จะผ่านพ้นสภาวะ "คนดีหันหลังให้ ข้างกายมีคนชเลียร์" ได้โดยเร็ว ด้วยการหมั่นเสริม อนวัชชพละ กำลังคือการกระทำที่ไม่มีโทษ (กำลังความสุจริตและการทำแต่กิจกรรมที่ดีงาม) ให้มากยิ่ง ๆ ขึ้น เพื่อวันหนึ่งกายและจิตที่เข้มแข็ง ประกอบกับสติปัญญาและโภคทรัพย์ที่ท่านมี จะเกื้อหนุนให้อริยทรัพย์งอกงามขึ้นได้ในอัตราส่วนเดียวกัน

          ขออย่าให้วิบากกรรมของการฆ่าตัดตอน การส่งทหารไปอิรัก การล้อมปราบที่สามจังหวัดภาคใต้ ตลอดจน วิบากต่าง ๆ จากโลภะ โทสะ โมหะ อื่น ๆ ในระดับนโยบาย-โครงสร้าง ตามมาก่อกวนหลอกหลอนท่านมากนัก

และในส่วนของผู้เขียนเอง ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การร่วมอภิปรายที่คณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ จัดขึ้น ในหัวข้อ "หวยหงส์แดงกับทิศทางการพัฒนาของไทย" เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๗ จะไม่เป็นเหตุให้ท่านนายกทักษิณ นิมนต์ผู้เขียนไปร่วมเข่ง "ขาประจำ" เหมือนกับเคยส่งใครต่อใครหลาย ๆ ท่านลงไปแล้ว

          …หวังว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ทั้งจากทำเนียบรัฐบาล และหน่วยงานในพื้นที่ ที่ดาหน้ากันเข้ามาสอบสวน-ตรวจสอบประวัติ และข้อมูลต่าง ๆ ของผู้เขียน ทั้งที่สถานปฏิบัติธรรม และที่สำนักงานของกลุ่มเสขิยธรรมนั้น เป็นความพยายามอย่างขยันขันแข็งของเจ้าหน้าที่เอง โดยมิได้มีใครจากเบื้องบนสั่งการลงไป ให้ข่มขู่คุกคาม อย่างที่ทำให้ญาติโยมนอกและในสำนักฯ ต้องตกอกตกใจกันไปตาม ๆ กัน ว่าเพียงแค่พระเล็ก ๆ รูปหนึ่งอภิปรายถึงเรื่องนโยบายอบายมุขและแนวคิดของนายกรัฐมนตรี ก็ต้องพบกับท่าทีการตรวจสอบที่เป็นปฏิปักษ์ขนาดนี้…

การเป็น "ขาประจำ" ของคุณทักษิณนั้น มิใช่จะเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจแต่อย่างใด หากได้เป็นเพราะพยายามกระตุ้นเตือนมโนธรรมสำนึกของท่านผู้มีอำนาจสูงสุดของฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตย ให้กลับเข้ามาสู่ทำนองคลองธรรม และนำพานาวาแห่งรัฐไปสู่ความสงบสันติ

          แต่การจะยกระดับให้ผู้เขียนเป็น "ขาประจำ" ด้วยวิธีการขนเอาเจ้าหน้าที่รวมทั้งผู้ใหญ่บ้าน บุกเข้าไปในสถานปฏิบัติธรรมเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อวันที่ ๓ มิถุนายนนี้ (๒ วันหลังร่วมอภิปรายที่จุฬา) ดูจะแปลกแยก และสวนทางกับความเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยอยู่มิใช่น้อย

          เมื่อพบเหตุการณ์อย่างนี้เข้ากับตัวเอง ก็อดเสียมิได้ที่จะระลึกถึง คุณสมชาย นีละไพจิตร "ขาประจำ" ของท่านนายกฯ อีกราย.. .

หน้าแรก | กลุ่มเสขิยธรรม | ความเคลื่อนไหว |> ประเด็นร้อน | ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม
นักบวชกับสังคมร่วมสมัย | จดหมายข่าวเสขิยธรรม | รวมเว็บน่าสนใจ | แผนผังไซต์
เสขิยธรรม skyd.org
สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน

กลุ่มเสขิยธรรม ภายใต้มูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ ๑๔/๖๓ หมู่บ้านสวยริมธาร ๒ ซอย ๕
ถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก แขวง/เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ๑๐๑๗๐
โทร. ๐๒-๘๐๐-๖๕๒๖ ถึง ๘, ๐๖-๗๕๗-๕๑๕๖ โทรสาร ๐๒-๘๐๐-๖๕๔๙
... e-mail :