เสขิยธรรม
ประเด็นร้อน
-
หน้าแรก | สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน | แผนผังไซต์

“ประเวศ” ชี้ “แม้ว” ตกหลุมดำแห่งอำนาจ-
วอนผนึก “พลังทางสังคม” ผ่าวิกฤติ!

ผู้จัดการออนไลน์ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๗

 

          “ประเวศ”เสนอ“ยุทธศาสตร์รัตนโกสินทร์” แก้วิกฤตหลุมดำให้ใช้พลังทางสังคมร่วมคิดร่วมทำ-ชี้“ทักษิณ”เข้าสู่โครงสร้างมรณะแล้ว –เพราะเน้นแต่การใช้อำนาจมากเกินไปขาดเชื่อมโยงกับ “พลังทางสังคม” พร้อมย้ำเผยเคยเตือนแล้วหลายครั้งแต่ไม่เชื่อ ส่วนเรื่อง “ไฟใต้”ต้องเปิดพื้นที่ทางสังคมให้ทุกฝ่ายเข้ามาร่วมกันคิดร่วมกันทำ-เชื่อมโยงกับสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น

          วันนี้(๑๒พย.)ในการประชุมวิชาการของมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาตินพ.ประเวศ วะสี ประธานมูลนิธิกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง“ยุทธศาสตร์รัตนโกสินทร์ ระเบิดพลัง ฝ่าหลุมดำ” ว่าสังคมไทยขณะนี้มีความซับซ้อนจะใช้อำนาจอย่างเดียวในการแก้ปัญหาไม่ได้ ต้องใช้ความรู้และปัญญาซึ่งที่ผ่านมาได้เคยเตือนนายกฯ ว่าระวังอย่าเข้าไปติดในโครงสร้างมรณะ เพราะเป็นโครงสร้างแห่งอำนาจคืออำนาจทางราชการอำนาจทางวัฒนธรรม ทางศาสนาทางปัญญาคือการศึกษาที่อ่อนแอไม่มีพลังและโครงสร้างของการครอบงำของต่างชาติ

ระบุ “ทักษิณ”เข้าสู่หลุมมรณะไม่มีทางออก

          “เวลานี้นายกฯ ก็ได้ตกเข้าไปอยู่ในโครงสร้างนี้แล้วซึ่งเมื่อใช้อำนาจรัฐในการแก้ไขปัญหามากๆ ก็เป็นผลให้เกิดการตีกลับ ก่อให้เกิดวิกฤต ถือว่าเป็นวิกฤตการณ์คลื่นลูกที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ถือเป็นวิกฤตที่รุนแรงและยากที่สุด เพราะจับต้นชนปลายไม่ได้เป็นวิกฤตการณ์แห่งการทำลายตัวเองเพราะเราจะไม่รู้ตัว และโดยสภาพปัญหาทำให้ประเทศไทยเปรียบเสมือน มีหลุมดำแห่งความหมักหมมของปัญหา ที่ไม่มีรัฐบาลไหนหรือใครจะฝ่าไปได้”

          นพ.ประเวศ ยังกล่าวอีกว่า ปัญหาเชิงโครงสร้างเปรียบเสมือนภูเขา ๔ ลูกที่ขวางกั้นการพัฒนา และก่อให้เกิดหลุมดำคือ ๑.วัฒนธรรมโครงสร้างเชิงอำนาจที่เน้นการสั่งการจากบนลงล่าง ที่ไม่เน้นการเรียนรู้ร่วมกัน ทำให้คนในองค์กรมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนขัดแย้งและทำร้ายกัน ๒. ระบบราชการและการเมืองที่ด้อยประสิทธิภาพทำให้การบริหารประเทศขาดความถูกต้อง ก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงไปทั่วสังคมไทย ๓.ระบบการศึกษาที่คับแคบอ่อนแอทางปัญญา สังคม ศีลธรรม ทำให้ไม่สามารถรักษาแผ่นดินให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ ความรุนแรงที่ภาคใต้ เป็นตัวอย่างที่เกิดจากการศึกษาที่ทำให้คนไทยไม่เข้าใจแผ่นดินไทย ไม่เข้าใจเพื่อนมนุษย์ และตนเอง ถ้ายังคงเป็นอย่างนี้ต่อไป ไฟแห่งความรุนแรงก็จะลามไปทั่วประเทศ ๔. ทิศทางการพัฒนาที่เน้นเงินนิยม วัตถุนิยม บริโภคนิยม อำนาจนิยม ซึ่งเป็นตัวเร่งให้สังคมเกิดความเสื่อมในทุกด้านและเกิดความรุนแรงมากขึ้น ทั้ง ๔ ปัญหาเชื่อมโยงกันแก้เพียงปัญหาใดปัญหาหนึ่งไม่ได้ จะเห็นว่ารัฐบาลพยายามจะปฏิรูปในด้านต่างๆแต่ก็ทำไม่ได้ จึงต้องช่วยกันคิดว่าจะแก้วิกฤตเหล่านี้ได้อย่างไร

แนะเปิดพื้นที่ทางสังคมเพื่อฝ่าวิกฤต
          ประธานมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ กล่าวต่อไปว่า จุดสำคัญต้องเปิดพื้นที่ทางสังคม ทางปัญญาอย่างกว้างขวางให้คนเข้ามาเรียนรู้ถึงจะหลุดจากโครงสร้างมรณะนี้ได้ และฝ่าหลุมดำไปได้ ต้องแก้ไขสังคมแนวดิ่งจากการใช้อำนาจนิยมไปสู่สังคมแนวราบ คือการรวมตัว ร่วมคิด ร่วมทำในลักษณะประชาสังคม เปลี่ยนจากเศรษฐกิจเงินนิยมเป็นเศรษฐกิจธรรมนิยม หรือเศรษฐกิจพอเพียง เปลี่ยนองค์กรอำนาจต่างๆ เป็นองค์กรการเรียนรู้เปลี่ยนระบบศึกษาที่คับแคบเป็นการเรียนรู้ร่วมกันอันไพศาล และแข็งแรง

          “การจะสร้างพลังแห่งการแก้ไขปัญหานี้ได้ก็ต้องมีการผนึกพลังของ ๕ ประการ เป็นพละ ๕ คือ ๑.พลังแห่งสัมมาทิฐิ คือต้องมีการกำหนดทิศทางแห่งการพัฒนาที่ถูกต้อง ๒.พลังแห่งบูรณาการภวะคือต้องเลิกคิดเลิกทำแบบแยกส่วน เพราะก่อให้เกิดความขัดแย้งเช่นการพัฒนาเศรษฐกิจในปัจจุบัน เศรษฐกิจโตแต่ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิตเสื่อมโทรมแต่ถ้ามองทุกปัญหาอย่างเชื่อมโยงกัน และแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ ก็จะไม่มีปัญหาอื่นตามมาเช่นใช้แนวเศรษฐกิจพอเพียง ปัญหาก็ไม่เกิด ๓.พลังสังคมเข้มแข็ง คือมีการรวมตัว ร่วมคิด ร่วมทำผนึกกำลังการเรียนรู้ร่วมกัน ๔.พลังแห่งการเรียนรู้ไพศาล คือจะต้องมีการเปลี่ยนระบบการศึกษาเป็นการเรียนรู้ร่วมกันของคนในสังคม พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน คือการพัฒนาต่างๆ จะต้องนำไปสู่การเปลี่ยนความคิดเชิงอำนาจไปเป็นการเคารพและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ซึ่งทั้ง ๕ พลังผนึกเข้าด้วยกันแล้ว ก็จะก่อให้เกิดพลังสร้างสรรค์ที่สามารถเอาชนะอุปสรรคทั้งหลายได้”

ชี้อานุภาพเงินน่ากลัวกว่าอำนาจ

          น.พ.ประเวศ กล่าวว่านายกฯ ควรเปลี่ยนแปลงจากองค์กรการใช้อำนาจไปสู่องค์กรการเรียนรู้ร่วมกัน ขณะนี้สังคมไทยเข้าสู่ยุคธนานุภาพ คือถือเงินเป็นใหญ่ ซึ่งถือว่าร้ายแรงกว่าอดีตที่ใช้อำนาจอย่างเดียว

          “ต้องขอบคุณนายกฯ ทักษิณเพราะเป็นผู้ที่ทำให้สังคมไทยรู้จักธนานุภาพแต่จะอยู่เฉยไม่ได้ เนื่องจากจะตายลงเรื่อยๆต้องดิ้นรนไปสู่การเปลี่ยนแปลง ไปสู่วิชานุภาพคือการใช้ความคิด ใช้อำนาจของความรู้และต้องเคลื่อนไปสู่สังคมานุภาพ คือการให้สังคมมีอำนาจในการรวมตัว ร่วมกันคิด ร่วมกันทำเปิดพื้นที่แห่งการเรียนรู้ทางสังคมและปัญญาให้กว้างขวาง แล้วระดมความรู้ไปปรับเปลี่ยนโครงสร้างสังคมที่มีปัญหาอยู่ ทั้งนี้การรวมตัวต้องมีวัตถุประสงค์ที่สูงส่งร่วมกัน”

          น.พ.ประเวศ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยควรจัดตั้งศูนย์หรือสถาบันพัฒนาพลังสร้างสรรค์องค์กร ทำวิจัยแก้ปัญหาความยากจนในจังหวัด เป็นโครงการ ๑ มหาวิทยาลัย ๑ จังหวัด คิดว่าตัวนายกฯ คงดีใจ เพราะขณะนี้ในใจนายกฯคงรุ่มร้อนพอสมควรเกี่ยวกับเรื่องนี้เวลานี้ผู้ว่าฯเป็นโรคประสาทกันหลายคน เพราะถูกนายกฯจิกตลอดแต่ถ้าให้มหาวิทยาลัยออกมาประกาศทำโครงการช่วยในเรื่องนี้ก็คงจะดีใจ ที่จะได้มีแผนระดับจังหวัด

เชื่อมสถาบัน “พระมหากษัตริย์” แก้ไฟใต้

          ราษฎรอาวุโส กล่าวอีกว่าควรมีการจัดสอนหลักสูตรปริญญาโทเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงในมหาวิทยาลัย ขณะเดียวกันเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนทุกภาคส่วนในสังคมควรร่วมกันในลักษณะของภาคี รัฐบาลควรเข้ามาร่วมเป็นภาคีโดยให้มีการตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ก็จะยิ่งเกิดพลังยิ่งขึ้น

          นอกจากนี้ น.พ.ประเวศ ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่ายุทธศาสตร์ดังกล่าวจะใช้แก้ปัญหาในระยะยาว รวมถึงปัญหาภาคใต้ด้วย ที่ผ่านมา ได้เคยเสนอยุทธศาสตร์นี้ให้กับรัฐบาลไปแล้ว แต่รัฐบาลก็ไม่เข้าใจถ้าครั้งนี้รัฐบาลเห็นด้วยและสนับสนุนก็จะถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

          “แต่คิดว่าตอนนี้เสนออะไรรัฐบาลไปก็คงไม่ได้แล้ว ต้องคนไทยด้วยกันเองเข้ามาร่วมกัน ที่จะเปิดพื้นที่ร่วมกันคิด ร่วมกันทำอย่างปัญหาภาคใต้ใหญ่และหนักหนาเกินกว่าที่รัฐบาลจะแก้ไขได้ เราต้องร่วมมือกันแล้วเชื่อมโยงกับสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งอาจารย์สุลักษณ์ พูดเมื่อวานเห็นว่าทักษิณแก้ปัญหาไม่ได้แล้วประชาชนต้องร่วมกัน ท่านบอกให้ร่วมกันจุดเทียนแต่ผมว่าถ้าทุกคนร่วมกันแล้วเชื่อมโยงกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ยิ่งใหญ่กว่าจุดเทียนอีก”นพ.ประเวศกล่าว.. .

หน้าแรก | กลุ่มเสขิยธรรม | ความเคลื่อนไหว |> ประเด็นร้อน | ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม
นักบวชกับสังคมร่วมสมัย | จดหมายข่าวเสขิยธรรม | รวมเว็บน่าสนใจ | แผนผังไซต์
เสขิยธรรม https://skyd.org
สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน

กลุ่มเสขิยธรรม ๑๒๔ ซอยวัดนพคุณ ถนนสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ ๑๐๖๐๐
โทร. ๐๒-๘๖๓๑๑๑๘, ๐๖-๗๕๗๕๑๕๖ โทรสาร ๐๒-๔๓๗๙๔๔๕
... e-mail :