เสขิยธรรม
ประเด็นร้อน
-
หน้าแรก | สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน | แผนผังไซต์

ระวัง! น้ำผึ้งหยดเดียว

สะท้านสะเทือนไปทั้งวงการสงฆ์


ทีมข่าวศาสนา นสพ.ไทยรัฐ
สกู๊ปศาสนา ปีที่ ๕๔ ฉบับที่ ๑๖๗๖๕ วันอังคารที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๖

พล.ต.ท.อุดม เจริญ          กับปฏิบัติการจัดระเบียบ ร.ร.พระปริยัติ ธรรม แผนกสามัญ ของสำนักงานพระ พุทธศาสนาแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.อุดม เจริญ ผอ.สำนักงาน พระพุทธฯ ที่อดีตเป็นถึง ผช.ผบ.สำนัก งานตำรวจแห่งชาติ

          ด้วยเวลาไม่กี่เดือนหลังเข้ารับตำแหน่ง ก็มี รายการ “เช็กบิล” ปิด ร.ร.พระปริยัติ ธรรม แผนกสามัญ วัดสว่างภพ จ.ปทุมธานี ไปแล้ว ๑ โรง ข้อหาคือ “แจ้งยอดนักเรียนเป็น เท็จเกินจริง” เพื่อหวังเงินสนับสนุนรายหัว

          ขณะเดียวกัน ก็สั่งย้าย นายมนัส ภาคภูมิ ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา ที่รับผิดชอบด้านการศึกษา พระภิกษุสามเณร รวมทั้ง ร.ร.พระปริยัติธรรมแผนกสามัญ ไปช่วยราชการ หรือ “แขวน” ไว้ที่ สถาบันส่งเสริมและพัฒนาการพระศาสนา จ.ราชบุรี ด้วยข้อหาบกพร่องต่อการปฏิบัติหน้าที่

          ทั้งสั่งการให้ตรวจสอบข้อมูลนักเรียนและงบประมาณที่จ่ายลงไปที่ ร.ร.พระปริยัติธรรม แผนก สามัญ ทั้งหมด ๔๑๑ โรงทั่วประเทศ ด้วยเหตุผลว่า ที่ผ่านมา หลายโรงมีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง โดยดำเนินการกันอย่างมั่วๆ ไม่มี มาตรฐาน ที่สำคัญใช้เงินผิดประเภท โดยเฉพาะ ร.ร.พระปริ ยัติธรรมแผนกสามัญ กลุ่มที่ ๙ ใน ๖ จังหวัดภาคอีสาน ประกอบด้วย จังหวัดอุดรธานี หนองบัว ลำภู หนองคาย เลย สกลนคร และขอนแก่น รวม ๘๕ แห่ง มีการแจ้งยอดนักเรียนเกินกว่าความ เป็นจริงมากที่สุด

          พร้อมกันนั้น ก็สั่งให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการจ่ายงบประมาณใหม่ จากเดิมที่จ่าย ๓ หรือ ๖ เดือนต่อครั้ง เป็นเดือนละครั้ง เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา

          นับเป็นปฏิบัติการจัดระเบียบ หรือจัดแถวที่เฉียบขาดฉับไวของสำนักงานพระ พุทธฯ

          แต่ในความรู้สึกของพระสงฆ์ที่จัดการเรียนการสอนและวงการพระสงฆ์แล้ว สิ่งที่ เกิดขึ้น ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กระหึ่ม

          ถึงขั้นมองกันว่า รัฐบาลส่งตำรวจมาจับพระหรืออย่างไร

          เพราะการจัดการเรียนการสอนของ ร.ร.พระปริยัติธรรมแผนกสามัญ จุดประสงค์ก็เพื่อให้เด็ก บ้านนอกยากจนด้อยโอกาส ที่ไม่มีโอกาสได้เรียนใน โรงเรียนปกติ มีสถานที่เรียนหนังสือ โดยไม่ ต้องเสียเงิน เจตนารมณ์ของพระสงฆ์ ที่เข้ามาช่วยจัดการศึกษา ก็เพื่อเป็นการช่วยลดช่องว่าง ด้านการศึกษาของชาติ อีกทางหนึ่ง

          และการดำเนินการที่ผ่านมาก็ไม่มี “วาระ ซ้อนเร้น” ใดๆ เนื่องจากบทบาทของ พระสงฆ์กับการศึกษาถือว่ามีส่วนร่วม มาโดยตลอด ตั้งแต่สมัยโบราณ การประ สิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ก็เริ่มต้นขึ้นที่วัด

          แต่เมื่อถูกมองเหมือนตั้งข้อสงสัย เสียงสะท้อนจากพระสงฆ์ในเรื่อง ของ “วาระซ่อนเร้น” จึงพุ่งเป้า กลับไปที่สำนักงานพระพุทธฯ เช่น กันด้วยคำถามถึงกรณีที่มีการเบียด บังเงินหลวง เงินภาษีอากรของประชาชน ที่ตั้งเป็นงบประมาณเพื่อ จัดสรรมา ให้กับ ร.ร.ปริยัติธรรม ไปเป็นของตัวเองและบีบบังคับพระกับวัดให้เข้ามาแบก รับภาระต่างๆ เช่น ค่าอาหาร ฯลฯ

          จนเป็นที่รู้กันให้แวดวงของพระสงฆ์ที่ทำงานด้านนี้ว่า เจ้าหน้าที่ซึ่งรับ ผิดชอบ จะหา ร.ร.พระ ปริยัติธรรมฯที่เป็นเครือข่ายของตัวเองขึ้นมา แล้วจะตกลง กับผู้จัดการโรงเรียน ว่าจะโอนงบ ประมาณลงมาให้อาจจะมากกว่าโรงเรียนอื่นๆ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องแบ่งกันคนละครึ่ง ถ้าหาก โรงเรียนไม่ร่วมมือ งบประมาณไม่เพียงแต่จะได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็นแล้ว แถมยังส่งถึงโรงเรียน ช้าอีกต่างหาก

          แต่น่าแปลกที่ พล.ต.ท.อุดมกลับมองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของพระฝ่ายเดียว โดยไม่พิจาร ณาเหตุปัจจัยและช่องทางการแสวงหาผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ ที่มีวิธีการบีบพระสงฆ์สาร พัดรูปแบบ ขณะที่พระเองอยู่ในสภาพน้ำ ท่วมปาก เพราะกลัวจะไม่ได้งบประมาณ

“เป็นเรื่องที่รับรู้กันมานานแล้วว่า เจ้าหน้าที่บางคนหากินกับพระ เช่น เวลาที่พระ ยื่นขอเสนอทำโครงการต่างๆ หรือยื่นขอรับการ สนับสนุนงบประมาณ ถ้าอยาก ให้เรื่องผ่านเร็ว ก็ต้องมีของกำนัลหรือค่าน้ำร้อนน้ำชาให้ ถ้าจะถามหาหลักฐาน หรือใบเสร็จไม่มีหรอก เพราะ เป็นที่รู้กันภายใน” พระมหาโชว์ ทัสสนีโย ผอ.ส่วน ธรรมนิเทศ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าว

          ขณะที่ พระราชวรรณเวที ผู้จัดการ ร.ร.พระปริยัติธรรมแผนกสามัญศรีเกษตรวิทยา จ.ศรีสะ เกษ กล่าวว่า “ผอ.สำนักงานพระพุทธฯ ดำเนินการรุนแรงเกินไป ไม่เลือก โรงเรียนที่ทำผิดก็สม ควรที่จะลงโทษ ไม่ใช่มาเหมา รวม อย่างที่ดำเนินการแล้วอ้างว่าที่ทำเช่นนี้เพราะมีการทุจริต และสามารถปกป้องงบประมาณแผ่นดินได้ ๒๐๐ ล้านบาท หมายความว่าโรงเรียนทั้งหมดรวม หัวกันโกงแผ่นดินหรืออย่างไร การใช้งบประมาณในการจัดการเรียนการสอนที่ผ่านมา ใช้งบ ประมาณจากสำนักงานพระพุทธฯ หรือกรมการศาสนาเดิมเพียง ๔๐ เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นพระกับ วัดจัดการเองทั้งหมด

          พล.ต.ท.อุดมเจตนาดี แต่ปัญหาอยู่ที่วิธีการการปฏิบัติ การปิด ร.ร. พระปริยัติ ธรรมวัดสว่างภพ ก็ทำแบบประจานกัน โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบ ควรมีเมตตา ธรรม เพราะพูดเสมอว่าตนเองเป็นนักปฏิบัติธรรม แต่ทำไม่เหมือนนักปฏิบัติ ธรรม ทำไมไม่ไปตรวจสอบเจ้าหน้าที่ใน สำนักงานพระพุทธฯ ดูบ้างว่า ไปทำอะไร ไว้บ้าง เพราะพระไม่โกงแน่”

          ส่วน พระสิริคณาภรณ์ วัดสระเรียง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า “ผอ.สำนักงานพระพุทธฯ ไม่เข้าใจเรื่องการศึกษาของพระเณร จำนวนเด็ก ที่นำมาเป็นมาตรฐานชี้วัดความถูกผิดเรื่องขอ งบประมาณ ต้องดูปัจจัยหลาย อย่างประกอบด้วย เด็กที่บวชเป็นสามเณร คือเด็กยากจนมาบวช เพื่อเรียนหนังสือ แต่ถ้าผู้ปกครองต้องการให้สึกออกไปช่วยทำนา ก็ต้องสึก และมีอีกหลายกรณี ทำให้ยอดตัวเลขนักเรียนไม่คงที่ ถ้าถามว่าพระมีเจตนาโกงไหม พระจะโกงไปทำไม เพราะต้อง รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่แล้ว

          พระที่จัดการเรียนการสอนหลายรูปก็ให้ ข้อมูลทำนองเดียวกันว่า สำนักงานพระ พุทธฯ ให้ความ สนใจและสนับสนุนงบ ประมาณ ในการเล่าเรียนของพระเณร ค่อนข้างน้อยเป็นอย่างมาก เฉลี่ยโรงเรียน พระปริยัติธรรมฯ ได้รับงบประมาณ ประ มาณโรงละ ๑ ล้านบาท แต่ครูก็ต้องจัด ถวายค่าใช้จ่ายอะไรต่างๆ เรียนก็เรียนฟรี ต้องซื้อหนังสือให้อีกต่างหาก วัดต้องออก เงินเองทั้งหมด

          นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้

          “ทีมข่าวศาสนา” มองว่า การจัดระเบียบเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องมองถึงเจตนารมณ์ ที่สำคัญคือ ขวัญและกำลังใจในส่วนของผู้ปฏิบัติด้วย

          ทั้งเรามองว่าต่อกรณีที่เกิดขึ้น หากพระสงฆ์จะผิดก็ตรงการนิ่งเฉย หรือผ่านเลย กับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเท่านั้น

          และนั่นคือสิ่งที่อยากจะฝากว่า ถ้าจะตรวจสอบ ร.ร.พระปริยัติฯ ทั้งหมดก็ควรจะตรวจสอบเจ้า หน้าที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไปพร้อมๆกันด้วย เนื่องจากมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่า เจ้าหน้าที่หลายคนเงิน เดือนไม่ถึงหมื่นบาทหรือหมื่นต้นๆ แต่ทำไมมีทั้งบ้าน ทั้งรถ ใหญ่โตเกินฐานะ

          ที่สำคัญเราไม่อยากให้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ระหว่างปฏิบัติการ “เช็กบิล” ร.ร.พระปริยัติ ธรรมฯของ ผอ.สำนักงานพระพุทธฯ ก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านเงียบในหมู่พระสงฆ์ เพราะบท เรียนจากประวัติศาสตร์ก็มีให้เห็น เมื่อความไม่เข้าใจกันจากจุดเล็กๆ ขยายผลลุกลามกลายเป็น ความรุนแรงใหญ่โต

          ระวัง! น้ำผึ้งหยดเดียว.. .

หน้าแรก | กลุ่มเสขิยธรรม | ความเคลื่อนไหว |> ประเด็นร้อน | ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม
นักบวชกับสังคมร่วมสมัย | จดหมายข่าวเสขิยธรรม | รวมเว็บน่าสนใจ | แผนผังไซต์
เสขิยธรรม https://skyd.org
สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน

กลุ่มเสขิยธรรม ๑๒๔ ซอยวัดนพคุณ ถนนสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ ๑๐๖๐๐
โทร. ๐๒-๘๖๓๑๑๑๘, ๐๖-๗๕๗๕๑๕๖ โทรสาร ๐๒-๔๓๗๙๔๔๕
... e-mail :