เสขิยธรรม
ประเด็นร้อน
-
หน้าแรก | สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน | แผนผังไซต์

รายงานสถานการณ์การคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซ-โรงแยกก๊าซไทยมาเลเซียฯ จาก อ.จะนะ จ.สงขลา
๒๖ มกราคม ๒๕๔๘

สังคมไทยได้เรียนรู้อะไรบ้าง
จากศาลสงขลายกฟ้องกรณี ๒๐ ธันวา ๔๕


          กลุ่มเครือข่ายคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซียร่วมกันจัดเวที "สังคมไทยได้เรียนรู้อะไรบ้าง จากศาลสงขลายกฟ้องกรณี ๒๐ ธันวา ๔๕" ขึ้นเมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๔๗ ณ มหาวิทยาลัยชาวบ้านลานหอยเสียบ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเรียนรู้ถึงกรณีที่ศาลจังหวัดสงขลา พิพากษายกฟ้องคดีที่พนักงานอัยการสงขลาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายรัชฏะ วัฒนศักดิ์ กับพวกรวม ๒๐ คน กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังสลายการชุมนุมและจับกุมกลุ่มผู้คัดค้านโครงการฯ ณ บริเวณโรงแรมเจบี หาดใหญ่ ในวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๔๕ เมื่อครั้งจัดประชุมรัฐมนตรีสัญจร

          เมื่อเวลา ๑๑.๐๐ น. นายเจ๊ะเด่น อนันทบริพงศ์ ในฐานะนายกสภามหาวิทยาลัยชาวบ้านลานหอยเสียบกล่าวเปิดเวทีว่า เนื่องจากการที่กลุ่มผู้คัดค้านโครงการท่อก๊าซฯ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังสลายการชุมนุมและจับกุมดำเนินคดีกับกลุ่มคัดค้านฯ ทำให้กลุ่มคัดค้านได้เดินทางไปขึ้นศาลตลอดระยะสองปีที่ผ่าน จนกระทั่งเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๗ ศาลสงขลาได้นัดฟังคำพิพากษา โดยศาลสงขลามีคำพิพากษายกฟ้อง นายรัชฏะ วัฒนศักดิ์ กับพวกรวม ๒๐ คน จำเลยกรณีสลายการชุมนุมผู้คัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซ โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ไทย-มาเลเซียและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๔๕ บริเวณถนนทางเข้าโรงแรมเจบี หาดใหญ่ เนื่องจากไม่ได้กระทำความผิดดังที่พนักงานอัยการจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง และมีคำสั่งให้คืนทรัพย์สินของกลางที่ยึดไว้ เช่น รถยนต์กระบะ รถยนต์หกล้อ และเครื่องกระจายเสียงให้กับกลุ่มผู้คัดค้านฯ ทางกลุ่มผู้คัดค้านฯ เห็นว่า กรณีที่ศาลสงขลาพิพากษายกฟ้องกรณีที่กลุ่มผู้คัดค้านถูกจับกุมและดำเนินคดีทั้งที่ไม่มีความผิด ซึ่งประสบการณ์และบทเรียนที่ผ่านมาสามารถเป็นบทเรียนให้กับสังคมไทยได้ จึงได้กำหนดจัดงานนี้ขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยชาวบ้านลานหอยเสียบที่ต้องการนำเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริงและทำความเข้าใจต่อสังคมถึงการคัดค้านโครงการท่อก๊าซฯ

          หลังจากนั้นมีตัวแทนจาก ๘ หมู่บ้านที่ร่วมคัดค้านโครงการฯ ผลัดเปลี่ยนกันบอกเล่าความรู้สึกในประเด็น "เมื่อถูกกลายเป็นผิด ภารกิจคือการต่อสู้" ซึ่งส่วนใหญ่สะท้อนความรู้ที่ถูกภาครัฐใช้ความรุนแรงทั้งการสลายการชุมนุม ทำร้ายร่างกาย จับกุมดำเนินคดีทั้งที่ไม่มีความผิด การใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มกันโครงการและจำกัดสิทธิของกลุ่มผู้คัดค้าน โดยที่ผ่านมากลุ่มผู้คัดค้านเป็นผู้ถูกกระทำตลอด แต่ถูกบิดเบือนข้อมูลจากรัฐว่าเป็นผู้ใช้ความรุนแรง ขัดขวางการพัฒนา ซึ่งแม้จะถูกดำเนินคดีกลุ่มผู้คัดค้านจะต่อสู้ต่อไป เพราะเชื่อว่าเป็นความชอบธรรมและเป็นความถูกต้องที่จะดูแล รักษาปกป้องวิถีชีวิตชุมชนและทรัพยากรธรรมชาติ

          โดยมีนายแสงชัย รัตนเสรีวงษ์ นายรัษฎา มนูรัษฎา จากสภาทนายความ ซึ่งเป็นทนายความที่ลงมาช่วยเหลือด้านคดีให้กับกลุ่มคัดค้านฯ นายจรวย เพชรรัตน์ นักวิชาการอิสระ และนายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ จากกลุ่มศึกษาการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เดินทางมาเป็นวิทยากรร่วมในงาน

          นายแสงชัย รัตนเสรีวงษ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ในวันที่ ๒๐ ธันวาคม กลุ่มผู้คัดค้านฯชุมนุมกันโดยสงบ กฎหมายต้องคุ้มครอง ดังนั้นเจ้าหน้าที่ไม่มีเหตุผลที่จะสลายกลุ่มผู้ชุมนุม แม้ที่ผ่านมาสาธารณะชนอาจมีความไม่เข้าใจกลุ่มคัดค้านฯ เพราะมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ แต่ที่ผ่านมาเรื่องราวที่บิดเบือนไม่สามารถทัดทานต่อการพิสูจน์ในกระบวนการศาล และในคำพิพากษายังระบุว่า โครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย -มาเลเซียเป็นโครงการขนาดใหญ่ทางด้านพลังงาน ที่อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิตหรือส่วนได้เสียสำคัญอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับประชาชน ชุมชนท้องถิ่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ กำหนดให้ประชาชน ชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องร่วมรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ร่วมเสนอความคิดเห็น ร่วมวางแผน ร่วมกระบวนการพิจารณา และเข้าร่วมในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามที่กฎหมายบัญญัติ ดังนั้นประชาชนหรือจำเลยทั้งยี่สิบหรือทั้งยี่สิบคนใดคนหนึ่ง ย่อมมีสิทธิในการนำเสนอความคิดเห็นต่อโครงการดังกล่าว ซึ่งนายแสงชัยเห็นว่า การพิพากษาคดีนี้ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ เป็นคดีที่สร้างบรรทัดฐานของสังคมไทย ซึ่งเป็นที่สนใจของคนทั่วไปในสังคม และเชื่อว่าคดีนี้จะเป็นแบบอย่างให้กับคดีอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรภาคภูมิใจ เนื่องจากเป็นผลจากการต่อสู้ของกลุ่มคัดค้านฯ นายแสงชัยยังกล่าวว่า แม้วันนี้คดีจะจบแล้ว แต่เรื่องราวการต่อสู้ยังไม่จบ การดำเนินโครงการที่ผิดมาตั้งแต่ต้น ไม่ว่าการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่บิดเบือน การใช้ที่ดินสาธารณะประโยชน์ไปดำเนินโครงการ ซึ่งผิดต่อกฎหมาย การใช้อำนาจและกลไกรัฐบิดเบือน การพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงในหลักการของศาสนาในกรณีที่ดินวะกัฟ เป็นสิ่งที่กลุ่มคัดค้านจะต้องดำเนินการต่อ

          นายรัษฎา มนูรัษฎา กล่าวว่า การที่ศาลสงขลายกฟ้องคดี แสดงให้เห็นถึงความถูกต้องและเป็นธรรม แม้คดีนี้จะเสร็จสิ้นลง แต่กลุ่มคัดค้านฯบางคนยังมีคดีอื่นๆที่จะต้องต่อสู้ในศาลอีก ซึ่งต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงต่อไป

          ทางด้านนายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ กล่าวว่าการต่อสู้ของกลุ่มคัดค้านเป็นกรณีตัวอย่างระดับประเทศ ปัจจุบันท่ามกลางอำนาจรัฐที่เข้มแข็ง แต่คดีกลับถูกพิพากษายกฟ้อง การต่อสู้ของเราเป็นการต่อสู้เพื่อพื้นที่ ชุมชน เรากำลังต่อสู้กับทิศทางของการพัฒนาภาคใต้ การต่อสู้โดยยืนอยู่บนความถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ เราต่อสู้เพราะว่าทรัพยากรชุมชนเราต้องมีส่วนร่วม

          นายจรวย เพชรรัตน์ กล่าวว่า การต่อสู้ของกลุ่มคัดค้านเป็นการต่อสู้เพื่อรักษาวิถีชีวิตของชุมชนมุสลิมไว้ และรักษาธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ซึ่งหลายๆภาคส่วนพร้อมให้การสนับสนุนช่วยเหลือและร่วมต่อสู้ ขอเพียงให้กลุ่มคัดค้านอย่าย่อท้อ

          นายสักการียา หมะหวังเอียด หนึ่งในผู้ถูกจับกุมดำเนินคดี กล่าวว่ากลุ่มคัดค้านมีความภาคภูมิใจที่ความยุติธรรมยังคงอยู่ รัฐกล่าวหา แต่กลุ่มคัดค้านฯไม่กลัว เพราะเป็นการเอาข้อเท็จจริง ความถูกต้องมาต่อสู้คดี การจัดงานวันนี้ส่วนหนึ่งเพื่อรำลึกวันที่ ๒๐ ธันวาซึ่งเป็นวันที่กลุ่มคัดค้านฯเป็นผู้ถูกอำนาจรัฐกระทำโดยปราศจากเหตุผล

          นอกจากเวทีวิชาการในตอนกลางวันแล้ว ในช่วงกลางคืนทางกลุ่มฯ ได้จัดกิจกรรมของกลุ่มเยาวชนซึ่งเป็นลูกหลานของกลุ่มคัดค้านฯ เช่น การร้องเพลง การเล่นเกม เป็นต้น ซึ่งสร้างสีสันและบรรยากาศที่คึกคักให้กับลานหอยเสียบ

          สอบถามเพิ่มเติม สุรัตน์ แซ่จุ่ง ๐๖-๙๖๖๖๑๔๗.. .

หน้าแรก | กลุ่มเสขิยธรรม | ความเคลื่อนไหว |> ประเด็นร้อน | ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม
นักบวชกับสังคมร่วมสมัย | จดหมายข่าวเสขิยธรรม | รวมเว็บน่าสนใจ | แผนผังไซต์
เสขิยธรรม https://skyd.org
สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน

กลุ่มเสขิยธรรม ๑๒๔ ซอยวัดนพคุณ ถนนสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ ๑๐๖๐๐
โทร. ๐๒-๘๖๓๑๑๑๘, ๐๖-๗๕๗๕๑๕๖ โทรสาร ๐๒-๔๓๗๙๔๔๕
... e-mail :