เสขิยธรรม
ประเด็นร้อน
-
หน้าแรก | สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน | แผนผังไซต์

อย่าสร้างวีรบุรุษด้วยความเขลา


พระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ
ประธานเครือข่ายพระสงฆ์ กลุ่มเสขิยธรรม

          รัฐบาลไทยดื้อดึงส่งกองกำลังทหารไทยไปอิรักท่ามกลางเสียงทัดทานและคัดค้านอย่างหนาหู ทั้งจากพรรคฝ่ายค้าน สมาชิกวุฒิสภา นักวิชาการ และสื่อมวลชนหลายแขนง

          เบื้องหลังถ้อยคำทักท้วงนั้น ส่วนหนึ่งกล่าวว่า เป็นภารกิจที่มิได้มีมติสหประชาชาติรองรับ อีกทั้งไทยก็มิได้เป็นประเทศคู่สงคราม หรือมีความจำเป็น ที่จะต้องส่งผู้คนไปสุ่มเสี่ยง ท่ามกลางสถานการณ์สู้รบรุนแรง อย่างไม่น่าไว้วางใจใดๆ ทั้งสิ้น

          บางกระแสกล่าวว่า นี่เป็นพันธกิจของการเป็นพันธมิตรนอกสนธิสัญญานาโต้ ที่สหรัฐอเมริกาเอ่ยอ้างให้ผลประโยชน์ล่อใจเอาไว้

          ไม่นับรวมผลประโยชน์ของนายทุนรับเหมาก่อสร้าง หรือการส่งดาวเทียมดวงที่ ๔ ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาบางท่านเอ่ยถึง ว่าเป็นผลประโยชน์แอบแฝงของ "คนในแวดวงรัฐบาล"

          แต่ถ้อยคำของเพื่อนร่วมชาติเหล่านั้นก็ถูกละเลย กระทั่งทหารชั้นประทวนสองนายต้องตายไปในที่สุด

          ความดื้อดึงของรัฐบาล ฯพณฯ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ต่อกรณีนี้ ก็ไม่ต่างไปจากกรณีอื่นๆ เช่น การปิดเขื่อนปากมูล ๘ เดือน เปิด ๔ เดือน โดยปฏิเสธผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ซึ่งใช้เวลาทำวิจัยกว่า ๒ ปี (ตามคำร้องขอของรัฐบาลเอง) ที่ระบุให้เปิดเขื่อนปากมูลอย่างถาวร หรือการดื้อดึงส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า ๔๐๐ นาย ไปอารักขาบริษัทเอกชน ผู้รับเหมาวางท่อก๊าซ ไทย - มาเลเซีย หลังจากการใช้ความรุนแรงปราบปราม และทำลายทรัพย์สินผู้ชุมนุมคัดค้าน โดยไม่ฟังคำร้องขอของชุมชนเจ้าของพื้นที่ หรือองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ

          มิพักจะต้องกล่าวถึงเสียงเรียกร้องของบรรดาศาสนิกชน ซึ่งทำได้เพียงเข้าหูซ้ายออกหูขวา "ท่านผู้นำฯ นายทาส" เท่านั้น

          ในทางพุทธศาสนา ความดื้อดึง ถือตัว หรือทะนงตน นั้น เกิดมาแต่อวิชชา และความยึดมั่นถือมั่น หรือความสำคัญมั่นหมาย ด้วย "อหังการ-มมังการ" (ตัวกู-ของกู) เป็นด้านหลัก ทั้งนี้ ก็เพราะไม่เท่าทันต่อกระแสของ "ปฏิจจสมุปบาท" (วงจรการเกิด-ดับ ของความทุกข์และความมีตัวตนฯ) และไม่เข้าใจต่อ "อริยสัจจ์ ๔" ว่าปัญหาเกิดจากสาเหตุ การแก้ไขนั้น ต้อง แก้ที่สาเหตุ ด้วยวิธีการที่เหมาะสม ถูกต้อง ดีงาม เพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่ยั่งยืน (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) ภายใต้ความเชื่อมโยงสัมพันธ์ระหว่าง เหตุ และ ปัจจัย ที่เรียกว่า กฏของ อิทัปปัจยตา คือ สรรพสิ่งล้วนเชื่อมร้อย, โยงใย และส่งผลกระทบต่อกันและกัน ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้

          นี่เป็นความเข้าใจพื้นฐานที่พุทธศาสนิกชนควรรู้ และควรสมาทานไว้ในเบื้องต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำรัฐ ด้วยว่า ข้อที่ ๑๐ ใน ราชธรรม (คุณสมบัติของนักปกครองที่ดี สามารถปกครองแผนดินโดยธรรม และยังประโยชน์สุขให้เกิดแก่ประชาชนจนเกิดความชื่นชมยินดี มี ๑๐ ประการ) คือ ๑๐. อวิโรธนะ ความไม่คลาดธรรม

          เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ความดื้อดึง ถือตัว หรือทะนงตนด้วยความเขลาในธรรมของผู้นำ จะนำมาซึ่งความเสียหายแก่อาณาประชาราษฎร์อย่างมิอาจคำนวนค่า และมิอาจหาที่สิ้นสุด

          การเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ของ จ.ส.อ.อัมพร ชูเลิศ และ จ.ส.อ.มิตร กล้าหาญ นั้นมิสามารถปฏิเสธได้ว่า ไม่ควรค่าแก่การยกย่องเชิดชูเกียรติ เพราะด้วยฐานะทหารของชาติ การปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาจนตัวตาย ย่อมส่อแสดงให้ประจักษ์อยู่แล้ว ว่าทั้งสองเป็นชายชาติทหาร อันเต็มเปี่ยมด้วยเกียรติยศและศักดิ์ศรี มีความรับผิดชอบ ตลอดจนเสียสละอย่างสูงสุด

          ปัญหาจึงมิใช่การตั้งคำถาม ว่าทั้งคู่ควรค่าแก่การเป็นวีรบุรุษหรือไม่ หากควรถาม และควรหาคำตอบให้แจ่มชัด ว่าทั้งสอง สละชีพ เพื่อใคร หรือ สิ่งใด

          การเป็นผู้นำรัฐ หรือเป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูง ผู้มีอำนาจ ชี้เป็นชี้ตาย ให้คุณให้โทษ ต่อข้าทาสบริวารนั้น นอกเหนือจากความรู้ความสามารถในด้านโลกียวิสัย หรือกิจการงานอย่างโลกย์ๆ เช่น บริหารธุรกิจ หรือบริหารรัฐกิจแล้ว ควรอย่างยิ่งมิใช่หรือ ที่จะต้องมีธรรมานุธรรมปฏิบัติ ในระดับที่จะประคับประคองครรลองครองธรรมให้ก้าวหน้าไปสู่ความสงบสันติของการ "อยู่ร่วมกัน" ได้ในที่สุด

          การเข้าร่วมในสงคราม หรือนำชาติไปสู่วังวนแห่งความขัดแย้ง หากมีผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง ศาสนิกชนและสมณชีพราหมณ์ก็ยังพอรับฟังได้ ว่าผู้ปกครองรัฐกระทำหน้าที่ไปด้วยความจำเป็นและจำใจ เพราะรับมอบหมายและความไว้วางใจจากประชาชนให้ทำหน้าที่แทน

          แต่การส่งผู้คนไปตาย ภายใต้หมอกเมฆแห่งผลประโยชน์ของนายทุน อภิสิทธิ์ชน หรือคนร่ำรวยบางกลุ่ม ก็สมควรเช่นกันมิใช่หรือ ที่ศาสนิกชนทั้งหลาย จะต้องออกมาว่ากล่าวทักท้วงโดยทันท่วงที และให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

          วีรบุรุษของชาตินั้นสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการยกย่อง และให้การช่วยเหลือครอบครัวของเขาให้อยู่รอดได้อย่างมีศักดิ์ศรี

          แต่เราจะต้องสร้างวีรบุรุษ (ที่ตายแล้ว) ในภารกิจอันไม่จำเป็นเยี่ยงสงครามอิรักอีกสักกี่คนกันเล่า จึงจะเพียงพอต่อความดื้อดึง ดื้อรั้น และทะนงตนของท่านผู้นำฯ?

          การใช้ความรุนแรง ลุแก่อำนาจ ขาดมโนธรรมสำนึก และมุ่งส่งเสริมอบายมุข ฯลฯ ยังเสียหายไม่พอละหรือ จึงต้องเพิ่ม "มือเปื้อนเลือดด้วยความเขลา" เป็นโทษสมบัติใหม่เข้าไปด้วย .. .

หน้าแรก | กลุ่มเสขิยธรรม | ความเคลื่อนไหว |> ประเด็นร้อน | ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม
นักบวชกับสังคมร่วมสมัย | จดหมายข่าวเสขิยธรรม | รวมเว็บน่าสนใจ | แผนผังไซต์
เสขิยธรรม https://skyd.org
สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน

กลุ่มเสขิยธรรม ๑๒๔ ซอยวัดนพคุณ ถนนสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ ๑๐๖๐๐
โทร. ๐๒-๘๖๓๑๑๑๘, ๐๖-๗๕๗๕๑๕๖ โทรสาร ๐๒-๔๓๗๙๔๔๕
... e-mail :