เสขิยธรรม
ความเคลื่อนไหว
-
หน้าแรก | สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน | แผนผังไซต์

นโยบายศาสนากับอนาคตสังคมไทย
(หลังการเลือกตั้ง…?)

จากหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ๒๑ มกราคม ๒๕๔๘

เครือข่ายศาสนิกชน ซึ่งเกิดจากการรวมตัวขององค์กรด้านศาสนาและสังคม เช่น กลุ่มเสขิยธรรม คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ (ย.ส.) และสภาองค์การมุสลิมแห่งประเทศไทยตลอดจนนักเคลื่อนไหวทางสังคม ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์และหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ได้จัดให้มีการแถลงและแสดงวิสัยทัศน์ด้านศาสนา และระบบคุณธรรม-จริยธรรม ในสังคม ของผู้นำพรรคการเมืองต่างๆ ณ หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๓๐-๑๓.๐๐ น.

          พระอาจารย์กิตติศักดิ์ กิตฺติโสภโณ ประธานกลุ่มเสขิยธรรม ในฐานะเป็นวิทยากรบนเวทีได้แจ้งต่อผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ว่า ได้เชิญหัวหน้าพรรคการเมืองใน ๔ ของพรรคใหญ่ เพื่อมาแสดงวิสัยทัศน์ด้านศาสนา ตลอดจนแนวคิดด้านคุณธรรม จริยธรรมซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจะเป็นตัวชี้วัดว่าพรรคการเมือง และผู้นำพรรคการเมืองระดับชั้นนำของประเทศ ว่าให้ความสำคัญกับกิจกรรมในด้านนี้เพียงใด ซึ่งจากการติดต่อไปในวันนี้ ได้รับเกียรติจากนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทย นายอภิชาติ ทองอยู่ โฆษกพรรคมหาชน ในขณะที่พรรคไทยรักได้แจ้งมาเมื่อเวลา ๐๙.๓๐ น. ว่าในพรรคไทยรักไทย ไม่มีใครสนใจเรื่องดังกล่าว เพราะฉะนั้นจึงไม่ส่งคนมาร่วมประชุม ซึ่งได้เว้นที่นั่งสำหรับตัวแทนพรรคนี้ และขอไว้อาลัยกับพรรคไทยรักไทยที่ไม่มีนโยบายในด้านศาสนาและศีลธรรม

          นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงวิสัยทัศน์ด้านศาสนา ว่าแม้ในวันนี้เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะหาเสียงกับพรรค เพราะเป็นผู้ที่ลงคะแนนเสียงให้ไม่ได้ แต่ยืนยันว่าสำหรับพรรคประชาธิปัตย์นั้นมีนโยบายศาสนา อย่างชัดเจน ซึ่งสามารถที่จะดูได้จากนโยบายของพรรคที่ได้แจ้งไว้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะกกต. ขณะนี้เข้มแข็งมาก ไม่ยอมให้มีการพูดหาเสียงนอกนโยบาย แต่กรรมการชุดนี้ก็แปลกในเรื่องที่ควรจะเข้มแข็งกลับไม่สนใจ เพราะปล่อยให้บางพรรคพูดหาเสียงเกินนโยบายตลอดเวลา

          ทั้งนี้หลักการดำเนินนโยบายของ ปชป. จะอยู่บนศีลธรรมและความสงบสุขของสังคม เพื่อรักษาความสามัคคีของชาติท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกยุคโลกาภิวัตน์ โดยพรรค ปชป. ประกาศเป็นปฏิปักษ์กับอบายมุข หากได้เป็นรัฐบาลจะยกเลิกอบายมุขโดยเฉพาะการยกเลิกหวยบนดิน การห้ามจำหน่ายสุรา บุหรี่ และห้ามมิให้มีการรับการแทงพนันจากบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี ซึ่งใน ๔ ปีของรัฐบาลที่ผ่านมา มีนโยบายของรัฐบาลมากมายหลายเรื่องที่ฝ่าฝืนคุณธรรมจริยธรรม โดยเฉพาะเรื่องหวยบนดินที่บอกว่า เป็นการทำให้ถูกต้องนั้น เป็นการทำให้มาตรฐานความถูกต้องของสังคมเพี้ยนไป ตำรวจเคยจับหวยกลับมาขายหวย หรือแม้กระทั่งนักเรียนก็ยังขายหวยด้วยเช่นกัน

          "น่ารังเกียจมากยิ่งขึ้นเมื่อนำไปหาเสียงในวันเด็กบอกว่า หาก ปชป. มาเป็นรัฐบาลจะยกเลิกหวยบนดิน ทำให้ไม่มีทุนการศึกษา ซึ่งหากวิธีคิดของผู้นำเป็นเช่นนี้ก็น่าเป็นห่วง เพราะต้องแยกให้ออกระหว่างทุนการศึกษากับเงินหวย และต้องมองด้วยว่าอนาคตหากเด็กเหล่านั้นไปเรียนต่อจบปริญญาเอก มีคนถามว่าได้ทุนจากไหน บอกว่าได้ทุนจากเงินหวย ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นคำตอบที่นำมาซึ่งความภาคภูมิใจหรือไม่ เพราะฉะนั้นเลิกแน่นอน และหากจะมีบนดินเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่จะต้องจับกุมกันต่อไป"

          พรรคประชาธิปัตย์ยังได้แสดงความห่วงใยต่อนโยบายของรัฐบาล ในเรื่องของที่ดินของวัด ด้วยว่าเรื่องที่ดินวัดทุกวันนี้ยังไม่จบ เพราะเมื่อเริ่มต้นรัฐบาลก็ได้มีการกระทำเรื่องที่น่ารังเกียจเป็นอย่างมาก ก็คือการโอนที่ดินธรณีสงฆ์ไปเป็นที่ของบริษัทพวกพ้อง ซึ่งเรื่องนี้ย้ำว่า หาก ปชป.กลับมาจะต้องมีการรื้อฟื้นแน่นอน เพราะได้ขึ้นบัญชีดำของพรรคไว้แล้ว แต่ปรากฎว่าคนไทยลืมง่าย แต่พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เลิกง่ายๆ แน่นอนเพราะชัดเจนว่าที่ดินวัดจะมาทำกันอย่างนี้ไม่ได้ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาพบว่ารัฐบาลนี้พยายามที่จะออกกฎหมายเพื่อนำที่ดินวัดมาใช้ประโยชน์ เช่นการออกกฎหมายเพื่อจัดรูปที่ดินวัด หลังมีการต้านอย่างหนัก ได้ถอยไปแล้ว แต่ขณะนี้ล่าสุดคณะรัฐมนตรีได้รับรองร่างพ.ร.บ. เขตเศรษฐกิจพิเศษ ให้อำนาจคณะกรรมการสามารถเวนคืนที่ดินของสงฆ์หรือของศาสนาต่างๆ ได้ ซึ่งผู้ที่ได้อานิสงฆ์จากเรื่องนี้ก็คือกลุ่มนายทุน ซึ่งปชป.ต้านเรื่องแน่นอน

          อย่างไรก็ตาม นโยบายของ ปชป.ในด้านศีลธรรมและศาสนานอกจากจะยกเลิกหวยและติดตามที่ดินวัดแล้วนั้น พรรคยังมีนโยบายสนับสนุนการศึกษาของสงฆ์ และพยายามผลักดันการเทียบโอนวุฒิการศึกษาของสงฆ์กับสถาบันการศึกษา และร่วมมือกับทุกศาสนาในการส่งเสริมให้มีการเรียนการสอนศาสนาในโรงเรียน

          นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรชาติไทย ชี้แจงว่า ประชาชนคือผู้กำหนดนโยบายอย่ารอให้ฝ่ายการเมืองเป็นผู้กำหนด ซึ่งจากการประชุมในหัวข้อนี้และมีคนมาฟังน้อยก็เป็นเครื่องยืนยันว่าคนสนใจเรื่องศาสนาน้อย เพราะฉะนั้นภาคองค์กรศาสนา ยื่นต่อทุกพรรคการเมืองว่าสิ่งที่พวกท่านต้องการให้พรรคการเมืองทำคืออะไรบ้าง เพราะเรื่องศาสนาเป็นเรื่องสำคัญ และถ้าพรรคไหนไม่มีนโยบายด้านศาสนา ประชาชนจะไม่เลือกเหมือนประเทศแคนาดา ประชาชนจะไม่เลือกพรรคที่ไม่มีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม

          นายนิกร ย้ำว่าพรรคชาติไทยให้ความสำคัญด้านศาสนาและศีลธรรม เพราะตระหนักดีว่าหลักของประเทศคือชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ เพราะฉะนั้นนโยบายสำคัญของพรรคก็คือ ส่งเสริมให้ประชาชนนำหลักศีลธรรมมาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ศาสนาสอนให้รู้จักพอ ซึ่งเมื่อรู้จักพอก็รู้จักคำว่าพอเพียง ซึ่งการเลือกครั้งนี้พรรคชาติไทยต่อสู้เพื่อการดำรงอยู่ของพรรค เพื่อให้พรรครับใช้ประชาชนต่อไปก็เป็นเรื่องของความพอเพียง เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าการหาเสียงครั้งนี้ของนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคนั้น ไม่มีความเครียดแต่อย่างใด

          นายนิกร ย้ำว่านโยบายสัจจะนิยมสร้างสังคมให้สมดุล ของพรรคชาติไทยเป็นคำตอบที่ถูกต้องและตรงกับศาสนา เพราะก็หมายถึงทางสายกลางหรือมัชฌิมาปฏิปทายึดหลักการสร้างสมดุลทางด้านเศรษฐกิจ ที่ไม่กระจุกเฉพาะส่วนยอดแต่กระจายไปถึงระดับชุมชนสมดุลทางการเมือง สนับสนุนให้มีการตั้งรัฐบาลในท้องถิ่นก็คือองค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัดไม่เฉพาะการเมืองในคณะรัฐมนตรีที่ถนนอู่ทองเท่านั้น และความสมดุลในด้านสังคมศาสนา ที่จะต้องสนับสนุนในทุกศาสนา โดยเฉพาะในเรื่องของการพัฒนาการศึกษาของศาสนิกชนในแต่ละศาสนา ซึ่งในเรื่องนี้ในรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้อย่างชัดเจน ซึ่งสิ่งหนึ่งที่พรรคชาติไทยเห็นว่าควรจะต้องดำเนินการแก้ไขก็คือ การปรับให้กรมการศาสนากลับมาอยู่กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้เยาวชนไทย ประชาชนไทยได้บวชเรียน การไปอยู่กระทรวงวัฒนธรรมเป็นเรื่องที่ผิดฝาผิดตัวในยุคปฏิรูประบบราชการ

          ทั้งนี้สำหรับเรื่องหวยนั้นนายนิกรระบุว่า ไม่ขอพูดเนื่องจากเป็นมารยาททางการเมือง ในฐานะนั่งเป็นคณะรัฐมนตรีอยู่ด้วย แต่ในส่วนของพรรคชาติไทยเรามีคำตอบของเรื่องนี้ไว้ในใจแล้ว

          นายอภิชาติ ทองอยู่ โฆษกพรรคมหาชน ผลการทำงานของรัฐบาลนี้หากเอาศีลธรรมไปจับเรียกว่าสอบตกหมด เพราะสังคมถูกผลักให้ไปหมกมุ่นกับความเติบโตของจีดีพี มองทุกอย่างเป็นเรื่องเศรษฐกิจบริหารธุรกิจความรวยเป็นเรื่องดี ความจนเป็นเรื่องเลว คนอยากรวยจะต้องเลือกพรรคนั้นไม่เลือกพรรคนี้เป็นต้น แต่จากการบริหารของรัฐบาลนี้ ๔ ปีที่ผ่านมาหนี้ครัวเรือนสูงขึ้นจาก ๖ หมื่น เป็นแสนสอง จีดีพีที่โตขึ้นปรากฎว่าเกิน ๕๐เปอร์เซ็นต์เป็นการเติบโตของเศรษฐกิจระดับบน ที่กระจุกอยู่ในญาติพี่น้องของนายทุนพรรคไทยรักไทย

          นายอภิชาติ ย้ำว่าพรรคมีนโยบายสร้างความสมานฉันท์ของสังคมทุกศาสนา มุ่งเน้นความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเพื่อไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เช่น กรือเซะหรือตากใบเพราะใน ๔ ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นรัฐบาลพลเรือนที่รังแกประชาชนมากที่สุด ภาคใต้ถูกทำให้เป็นรัฐทหาร รัฐตำรวจ รัฐสภาไทยกลายเป็นเผด็จการนายทุน ภาวะผู้นำสร้างโดยการที่ผู้นำให้คนอื่นกลายเป็นคนโง่กว่าตนเองซึ่งเป็นภาวะผู้นำที่ไม่ถูกต้อง

          เพราะฉะนั้นนโยบายพรรคมหาชนจะเน้นการพัฒนาการศาสนา ทั้งด้านการศีกษา และการเผยแผ่ศาสนา จะตั้งกองทุนศาสนา เพื่อเป็นกองทุนในการจรรโลงศาสนา เป็นกองทุนในการสรรสร้างคุณค่า และคุณภาพให้กับบุคคลากรทางศาสนา ในส่วนของศาสนาอิสลามนั้นจะจัดให้มีการฟื้นระบบดาโต๊ะยุติธรรม เพื่อมาดูและความยุติธรรมให้กับครอบครัวชาวมุสลิม

          ความคิดเห็นของตัวแทนศาสนาต่อพรรคการเมือง

          พระศรีปริยัติโมลี รองอธิการบดีมหาวิทยลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ได้แสดงความเห็นว่า ศีลธรรมเป็นบรรทัดฐานวัดว่า นักการเมืองคนไหนดีหรือไม่ดี ซึ่งใน ๔ ปีที่ผ่านมามีปัญหาด้านศีลธรรมมากเป็นวิกฤตศีลธรรม นักการเมืองที่ออกกฎหมายเวนคืนที่ดินวัด ก็ยังกลับมาเสนอตัวให้ประชาชนเลือก ผู้นำหรือรัฐมนตรีไม่เข้าใจปรัชญาศาสนา การศึกษา ซึ่งหากว่าผู้ฉลาดมากกว่านี้สักนิด บ้านเมืองเราจะไปไกลกว่านี้ เพราะบ้านเมืองเรามีทรัพยากรอาหารที่สมบูรณ์และประชาชนที่สันติสุข ซึ่งนโยบายด้านคุณธรรมศาสนาจะเอาจริงจังกันหรือไม่ ก็ต้องดูจากผู้ดำเนินนโยบายด้วยเช่นกัน เหมือนที่ท่านพุทธทาส กล่าวไว้ว่า ศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ เพราะฉะนั้นขณะนี้ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันนำศีลธรรมกลับมา ไม่เลือกพรรคที่ไม่มีนโยบายศาสนาและส่งเสริมอบายมุข

          นายไทยวัฒน์ นิลเขต ตัวแทนจากคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ เสนอว่า ที่ผ่านมาสังคมไทยได้มีการตราว่า มองแคบ คิดใกล้ ใฝ่ต่ำ เพราะฉะนั้นภาระของสังคมที่ต้องทำร่วมกันคือการนำคนไทยที่ใจกล้าง คิดไกลและใฝ่สูงกลับมา โดยศาสนาเป็นสถาบันหลักที่จะสร้างให้กลับมาได้ จะเน้นการปลูกฝังศีลธรรมในระดับล่างที่สุดคือชุมชน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ช่วยกันคือร่วมกันหาวิธีการเพื่อให้สังคมไทยหลุดพ้นจากคำดังกล่าว เพราะถ้าคนดีมีศีลธรรมแล้วเศรษฐกิจจะพัฒนาตามไปเอง

          นานนิติ ฮาซัน ตัวแทนจากคณะกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทย สะท้อนความเห็นว่าองค์กรมุสลิมพร้อมที่จะทำงานขับเคลื่อนไปพร้อมกับองค์กรศาสนา เพื่อนำสันติสุขกลับมาสู่ประเทศ และจะขอเป็นกลไกหนึ่ง เพื่อสะท้อนความเห็นต่อรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีพรรคใดให้ความสำคัญกับศาสนามาก่อนเลย การมีเวที่นี้ เป็นก้าวแรกที่ทำให้พรรคการเมืองต้องหันมามองศาสนา ซึ่งการที่แต่ละพรรคให้ความสนใจกับเวทีนี้เป็นการสะท้อนว่า พรรคการเมืองใดมีศาสนาหรือไม่มีศาสนา ซึ่งกว่าจะถึงวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ที่จะมีการเลือกตั้งยังมีเวลาพอสมควร ที่จะร่วมกันสะท้อนนโยบายที่ได้รับในวันนี้ สู่ศาสนิกชนของศาสนาเพื่อประกอบการตัดสินใจ .. .

หน้าแรก | กลุ่มเสขิยธรรม |> ความเคลื่อนไหว | ประเด็นร้อน | ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม
นักบวชกับสังคมร่วมสมัย | จดหมายข่าวเสขิยธรรม | รวมเว็บน่าสนใจ | แผนผังไซต์
เสขิยธรรม https://skyd.org
สมุดเยี่ยม | แนะนำหน้านี้ให้เพื่อน

กลุ่มเสขิยธรรม ๑๒๔ ซอยวัดนพคุณ ถนนสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ ๑๐๖๐๐
โทร. ๐๒-๘๖๓๑๑๑๘, ๐๖-๗๕๗๕๑๕๖ โทรสาร ๐๒-๔๓๗๙๔๔๕
... e-mail :